ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อการรับบริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกของสตรีกลุ่มเสี่ยง ตำบลละอาย อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช
คำสำคัญ:
ปัจจัย, การรับบริการ, ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก, สตรีกลุ่มเสี่ยงบทคัดย่อ
การวิจัยเชิงสำรวจแบบภาคตัดขวางนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อการรับบริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกของสตรีกลุ่มเสี่ยง ตำบลละอาย อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช กลุ่มตัวอย่าง คือ สตรีกลุ่มเสี่ยงอายุ 30-60 ปี จำนวน 418 คน ใช้วิธีการสุ่มแบบมีระบบ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถามผู้วิจัยได้สร้างขึ้นมาเองจากการทบทวนวรรณกรรม และแนวคิด PRECEDE - PROCEED Model ประกอบด้วย ข้อมูลส่วนบุคคล ปัจจัยนำ ปัจจัยเอื้อ ปัจจัยเสริมในการรับบริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และสถิติ Multiple Logistic Regression
ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยนำในระดับสูง ได้แก่ การรับรู้โอกาสเสี่ยงและประโยชน์ของการตรวจคัดกรองส่วนที่อยู่ในระดับต่ำ ได้แก่ การรับรู้ความรุนแรงของโรค และอุปสรรคในการตรวจ ปัจจัยเสริม คือ แรงสนับสนุนทางสังคม ส่วนใหญ่มีระดับต่ำ ขณะที่ปัจจัยเอื้ออย่างการได้รับข้อมูลข่าวสาร ส่วนใหญ่อยู่ในระดับสูง เมื่อควบคุมตัวแปร พบว่า สตรีที่มีอายุ ≥ 45 ปี มีโอกาสเข้ารับการตรวจมากกว่ากลุ่มอายุ ≤ 44 ปี 1.65 เท่า ผู้ที่จบระดับอนุปริญญา/ปวส. มีโอกาสเข้ารับการตรวจลดลง 64% เมื่อเทียบกับระดับประถมศึกษา อาชีพค้าขาย มีโอกาสตรวจลดลง 70% เมื่อเทียบกับข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ ผู้ที่มีการรับรู้โอกาสเสี่ยงในระดับสูงกลับมีโอกาสเข้ารับการตรวจลดลง 46% ขณะที่ผู้ที่มีการรับรู้ประโยชน์ของการตรวจในระดับสูงมีโอกาสเข้ารับการตรวจเพิ่มขึ้น 1.60 เท่า ดังนั้น ควรส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขให้ความรู้เกี่ยวกับความเสี่ยงและประโยชน์ของการตรวจคัดกรองมากขึ้น และพัฒนารูปแบบการคัดกรองเชิงรุกโดยใช้ อสม. เป็นสื่อกลางในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
เอกสารอ้างอิง
กรกฏ วิเชียรเทียบ, รังสันต์ ไชยคำ, ลัดดาวัล ฟองค์ และชัญญาภัค วงษ์ษา. (2566). ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกของสตรีในชุมชน. วารสารพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข, 33(2), 124-137.
นันทิดา จันต๊ะวงค์, ปิยธิดา ตรีเดช, สุคนธา ศิริ และชาญวิทย์ ตรีเดช. (2560). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการเข้ารับบริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในสตรีกลุ่มเป้าหมาย อายุ 30-60 ปี อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี. วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี, 28(1), 63-79.
ประภาพร คำแสนราช, รุ่งตะวัน เมืองมูล, กนกอร สมบัติ และฤทัยรัตน์ บูรณะพันธ์. (2565). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการตัดสินใจเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกสตรีที่มีอายุ 35-60 ปี ในเขตรับผิดชอบของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลท่าสองยาง. วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนอร์ทเทิร์น, 3(2), 42-55.
พรรณี ปิ่นนาค. (2563). เหตุผลและปัจจัยของการไม่ไปรับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก : กรณีศึกษาสตรีอายุ 30-60 ปี ในตำบลนาโพธิ์ อำเภอสวี จังหวัดชุมพร. วารสารวิจัยและนวัตกรรมทางสุขภาพ, 3(1), 118-131.
ภูนรินทร์ สีกุด, มะลิวัลย์ บางนิ่มน้อย และชาลินี มานะยิ่ง. (2564). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการมารับบริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกของสตรีกลุ่มเสี่ยง ตำบลบ้านใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา. วารสารสาธารณสุขมูลฐานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, 36(1), 37-47.
สถาบันมะเร็งแห่งชาติ. (2565). ทะเบียนมะเร็งระดับโรงพยาบาล พ.ศ. 2564. สืบค้นเมื่อ 20 เมษายน 2567 จาก https://www.nci.go.th/e_book/hosbased_2564/index.html.
สถาบันมะเร็งแห่งชาติ. (2566). นิยามตัวชี้วัด 2566-2570 สาขามะเร็ง. นนทบุรี: กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข.
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช. (2567). ข้อมูล HDC. จังหวัดนครศรีธรรมราช. สืบค้นเมื่อ 1 พฤษภาคม 2567 จาก https://nrt.hdc.moph.go.th/hdc/main/index_pk.php.
สำนักงานสาธารณสุขอำเภอฉวาง. (2567). รายงานประจำปี 2567 (6 เดือน). นครศรีธรรมราช: สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช.
สุดาฟ้า วงศ์หาริมาตย์. (2556). ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการไม่มาตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในชุมชนที่คัดสรร: จังหวัดนนทบุรี. วารสารวิชาการกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ, 9(1), 12-20.
สุรีพันธุ์ วรพงศธร. (2558). การวิจัยทางสุขศึกษา. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์วิฑูรย์การปก.
อาทิตยา วังวนสินธุ์ และมะลิ จารึก. (2564). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการมารับบริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกของสตรีกลุ่มเสี่ยง ตำบลนครชุม อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก. วารสารวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์, 13(1), 100-113.
Green, L. & Kreuter, M. (2005). Health program planning: An educational and ecological approach (4th Edition). New York: McGraw-Hill.
Likert, R. (1932). A technique for the measurement of attitude. Archives of Psychology, 140, 1-55.
Thorndike, R. L. (1987). Educational measurement. 2nd ed” Washington D.C.: American Council on Education.
World Health Organization. (2014). Comprehensive cervical cancer control: A guide to essential practice. (2nd ed) Retrieved March 15, 2024 from https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books.
World Health Organization. (2020). Estimated number of new cases in 2020, world, females, all ages (excl. NMSC). Retrieved March 15, 2024 from https://gco.iarc.fr/today/online-analysistable?v=2020&mode=cancer&mode.
World Health Organization. (2023). Cervical cancer elimination: The progress made and what more needs to be done. Retrieved March 15, 2024 from https://www.weforum.org/stories/2023/11/cervical-cancer-elimination-day-2023-progress-action/.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิจัยการพยาบาลและการสาธารณสุข

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
1. บทความหรือข้อคิดเห็นใด ๆ ที่ปรากฏในวารสารวิจัยการพยาบาลและการสาธารณสุข ที่เป็นวรรณกรรมของผู้เขียน บรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
2. บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ วารสารวิจัยการพยาบาลและการสาธารณสุข


