ผลของโปรแกรมเสริมสร้างสมรรถนะแห่งตนในการปฏิเสธการดื่มต่อพฤติกรรมการดื่มแอลกอฮอล์ของผู้ป่วยที่มีความผิดปกติจากการดื่มแอลกอฮอล์ โรงพยาบาลสวนปรุง
คำสำคัญ:
สมรรถนะแห่งตน, พฤติกรรมการดื่มแอลกอฮอล์, ความผิดปกติจากการดื่มแอลกอฮอล์บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมเสริมสร้างสมรรถนะแห่งตนในการปฏิเสธการดื่มต่อพฤติกรรมการดื่มแอลกอฮอล์ของผู้ป่วยที่มีความผิดปกติจากการดื่มแอลกอฮอล์ โดยเป็นการวิจัยกึ่งทดลองแบบ 2 กลุ่มวัดผลก่อนและหลังการทดลอง ในระหว่างเดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคม 2563 กลุ่มตัวอย่างคือผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยจากจิตแพทย์ด้วย The Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders, Fifth Edition(DSM-5) ว่าเป็นโรคติดแอลกอฮอล์ที่เข้ารับการรักษาแบบผู้ป่วยใน จำนวน 30 ราย แบ่งเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมกลุ่มละ 15 คน กลุ่มทดลองได้รับโปรแกรมเสริมสร้างสมรรถนะแห่งตนในการปฏิเสธการดื่มและกลุ่มควบคุมได้รับการดูแลตามปกติ ได้แก่ การบำบัดเพื่อเสริมสร้างแรงจูงใจ โดยพยาบาลและทีมสหวิชาชีพ ดำเนินกิจกรรมในวันราชการทุกวัน รวม 5 วันๆละ 1 ครั้งๆ ละ 60-90 นาที เป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล แบบประเมินภาวะถอนพิษแอลกอฮอล์ แบบประเมินพุทธิปัญญา ปฏิทินบันทึกการดื่มแอลกอฮอล์และโปรแกรมเสริมสร้างสมรรถนะแห่งตนในการปฏิเสธการดื่มต่อพฤติกรรมการดื่มแอลกอฮอล์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนา Wilcoxon Sign-Rank Test และMann-Whitney U Test ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มทดลองมีค่าเฉลี่ยร้อยละของจำนวนวันดื่มหนักลดลง และมีค่าเฉลี่ยร้อยละของจำนวนวันหยุดดื่มเพิ่มขึ้นหลังได้รับโปรแกรมเมื่อเปรียบเทียบกับก่อนการได้รับโปรแกรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 ค่าเฉลี่ยร้อยละของจำนวน วันดื่มหนักของกลุ่มทดลองต่ำกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 และค่าเฉลี่ยร้อยละของจำนวนวันหยุดดื่มของกลุ่มทดลองสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 จากผลการวิจัยนี้ พยาบาลสามารถนำโปรแกรมเสริมสร้างสมรรถนะแห่งตนในการปฏิเสธการดื่มไปใช้เพื่อลดพฤติกรรมการดื่มแอลกอฮอล์และลดอัตราการมารักษาซ้ำในโรงพยาบาลได้
เอกสารอ้างอิง
ชณัณฎา เวชชะ, สุรชาติ สิทธิปกรณ์, และลัดดา แสนสีหา. (2559). ผลของโปรแกรมส่งเสริมสมรรถนะแห่งตนต่อการรับรู้สมรรถนะแห่งตนเพื่อปฏิเสธการดื่มสุราและภาวะติดสุราในผู้ชายที่มีภาวะติดสุรา. วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต การพยาบาลผู้ใหญ่ บัณฑิตวิทยาลัย. มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
นวยนาฎ สมเพชร และจารุณี รัศมีสุวิวัฒน์. (2561). ผลของการบำบัดเพื่อเสริมสร้างแรงจูงใจต่อพฤติกรรมการดื่มสุราในผู้ติดสุราหญิง. เชียงใหม่: โรงพยาบาลสวนปรุง.
ปิ่นแก้ว ประทุมทา. (2551). ประสิทธิผลของการใช้โปรแกรมการเสริมสร้างสมรรถนะแห่งตนสำหรับการปฏิเสธการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของผู้ที่มีการดื่มแบบอันตราย โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ตำบลบ้านปงตำ จังหวัดเชียงใหม่. การค้นคว้าแบบอิสระปริญญาพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสุขภาพจิตและการพยาบาลจิตเวช บัณฑิตวิทยาลัย. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
พันธุ์นภา กิตติรัตนไพบูลย์ และ หทัยชนนี บุญเจริญ. (2549). การประเมินความเสี่ยงและ ความรุนแรงของภาวะถอนพิษสุรา ใน พันธุ์นภา กิตติรัตนไพบูลย์ และหทัย ชนนี บุญเจริญ. แนวเวชปฏิบัติการให้บริการผู้มีปัญหาสุขภาพจิตจากแอลกอฮอล์ในโรงพยาบาลจิตเวช. เชียงใหม่: ไอแอมออเกไนเซอร์แอนด์ แอ๊ดเวอร์ไทซิ่ง.
ภาสิต ศิริเทศ และณพวิทย์ ธรรมสีหา. (2562). ทฤษฎีการรับรู้ความสามารถของตนเองกับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ. วารสารพยาบาลทหารบก, 20(2), 58-65.
โรงพยาบาลสวนปรุง. (2563). ฐานข้อมูลผู้มีปัญหาจากการดื่มแอลกอฮอล์ที่เข้ารับบริการในปีงบประมาณ 2561-2563. เชียงใหม่: ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการและการบริหารโรงพยาบาลสวนปรุง.
แววดาว วงศ์สุรประกิต และพิมพาภรณ์ แก้วมา. (2561). การบำบัดการเสริมสร้างแรงจูงใจในการลดการดื่มต่อการรับรู้ความสามารถของตนเอง และพฤติกรรมการดื่มของผู้ที่เป็นโรคติดแอลกอฮอล์ชายโรงพยาบาลสวนปรุง. เชียงใหม่. โรงพยาบาลสวนปรุง.
ศรีไพร โปธา. (2550). ผลของโปรแกรมเสริมสร้างสมรรถนะแห่งตนในการปฏิเสธการดื่มต่อพฤติกรรมการดื่มแอลกอฮอล์ของผู้ที่เป็นโรคติดสุราในโรงพยาบาลบ้านธิ จังหวัดลำพูน. การค้นคว้าแบบอิสระปริญญาพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสุขภาพจิตและการพยาบาลจิตเวช บัณฑิตวิทยาลัย.มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
สาวิตรี อัษณางค์กรชัย และสุวรรณา อรุณพงศ์ไพศาล. (2557). ปัญหาและความผิดปกติจากการดื่มสุรา: ความสำคัญและการดูแลรักษาในประเทศไทย. สงขลา: คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์.
สาวิตรี อัษณางค์กรชัย. (2562). ข้อเท็จจริงและตัวเลขเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศไทย.กรุงเทพฯ: สหมิตรพัฒนาการพิมพ์.
สำนักงานสถิติแห่งชาติ. (2560). การสำรวจพฤติกรรมการสูบบุหรี่และการดื่มสุราของประชากร พ.ศ. 2560. กรุงเทพฯ: สำนักงานสถิติแห่งชาติ.สำนักนายกรัฐมนตรี.
สุนทรี ศรีโกไสย. (2557). แบบวัด time-line Follow -back: ฉบับภาษาไทย. เชียงใหม่.
สุพรรณ ไชยวรรณะ. (2551) ผลของโปรแกรมเสริมสร้างสมรรถนะแห่งตนในการปฏิเสธการดื่มต่อพฤติกรรมการดื่มแอลกอฮอล์ของผู้ที่ดื่มแบบมีปัญหา ที่มารับบริการในโรงพยาบาลแม่สรวย จังหวัดเชียงราย. การค้นคว้าแบบอิสระปริญญาพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสุขภาพจิตและการพยาบาลจิตเวช บัณฑิตวิทยาลัย. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
โสฬสินี เหมรุ่งโรจน์. (2556). แบบประเมินพุทธิปัญญา Montreal Cognitive Assessment (MoCA) ฉบับภาษาไทย. สืบค้นจาก http://www.mocatest.org/pdf_files/ instructions/MoCAInstructions-Thai.pdf.
อภิชาติ ดำรงไชย, กิตติพงษ์ สานิชวรรณกุล, สุรเชษฐ์ ผ่องธัญญา, และกนิษฐพจน์ เจริญภักดี. (2546) การพัฒนาแบบประเมินอาการถอนแอลกอฮอล์. ในการประชุมวาการนานาชาติ ครั้งที่ 2. สุขภาพจิตกับยาเสพติด. (น.80). กรุงเทพฯ.
อิสรีย์ สิงห์สถิตย์. (2555). ประสิทธิผลของการใช้โปรแกรมเสริมสร้างสมรรถนะแห่งตนในการปฏิเสธการดื่มของผู้ที่เป็นโรคติดสุราโรงพยาบาลสวนปรุง จังหวดเชียงใหม่.การค้นคว้าแบบอิสระปริญญาพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสุขภาพจิตและการพยาบาลจิตเวช บัณฑิตวิทยาลัย.มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
American Psychiatric Association. (2013). Diagnostic and statistical manual of mental disorders (5th ed.). https://doi.org/10.1176/appi.books.9780890425596
Bandura. (1997). Self-efficacy. The Exercise of Control. New York: W.H.Freeman.
Nasreddine, Z. (2004). The Montreal Cognitive Assessment is a brief cognitive screening tool for Mild Cognitive Impairment Intened for Health Professionals only. Retrieved from http://www.mocatest.org
Nasreddine, Z. S., et al. (2005). The Montreal Cognitive Assessment, MoCA: A brief screening tool for mild cognitive impairment. Journal of the American Geriatrics Society, 53(4), 695–699.
Saunders, J. B. (2004). National alcohol policy in Australia. The first national conference: Alcohol consumption and related problem in Thailand, Bangkok.
Sobell, L. C. & Sobell, M. B. (2000). Alcohol Timeline Follow back (TFLB). In American Psychiatric Association (Ed.), Handbook of Psychiatric Measures (pp. 477-479). Washington, DC: American Psychiatric Association.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
1. บทความหรือข้อคิดเห็นใด ๆ ที่ปรากฏในวารสารวิจัยการพยาบาลและการสาธารณสุข ที่เป็นวรรณกรรมของผู้เขียน บรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
2. บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ วารสารวิจัยการพยาบาลและการสาธารณสุข


