การเสริมสร้างพลังอำนาจผู้ดูแลเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง โรงพยาบาลอุทัย

ผู้แต่ง

  • สวงษ์ ลักษณะไทย โรงพยาบาลอุทัย

คำสำคัญ:

การเสริมสร้างพลังอำนาจ, การฟื้นฟูสมรรถภาพ, ผู้ดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง

บทคัดย่อ

การศึกษาวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความรู้และทักษะเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพ และการรับรู้พลังอำนาจของผู้ดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ดำเนินการระหว่างเดือน กันยายน – พฤศจิกายน 2564 กระบวนการวิจัยแบ่งเป็น 3 ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 การศึกษาสถานการณ์การฟื้นฟูสมรรถนะภาพผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ระยะที่ 2 กระบวนการเสริมสร้างพลังอำนาจผู้ดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง โดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีการเสริมสร้างพลังอำนาจของ Gibson (1993) ระยะที่ 3 ผลลัพธ์ของการพัฒนาการเสริมสร้างพลังอำนาจผู้ดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง จำนวน 30 คน ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง จำนวน 30 คน และบุคลากรทีมสาขาวิชาชีพที่ร่วมพัฒนาโปรแกรมของการเสริมสร้างพลังอำนาจผู้ดูแลเพื่อการฟื้นฟูผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง จำนวน 5 คน ได้แก่ หัวหน้างานการพยาบาลผู้ป่วยใน จำนวน 1 คน พยาบาลประจำงานการพยาบาลผู้ป่วยใน จำนวน 2 คน นักกายภาพบำบัด จำนวน 1 คน และพยาบาลประจำโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล จำนวน 1 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ โปรแกรมการเสริมสร้างพลังอำนาจผู้ดูแลเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ 1) แบบสัมภาษณ์สถานการณ์ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง 2) แบบสอบถามการเสริมสร้างพลังอำนาจผู้ดูแลเพื่อการฟื้นฟูผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง 3) แบบประเมินความสามารถในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และเปรียบเทียบความแตกต่างด้วยสถิติ Paired Sample T-Test กำหนดระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05        

ผลการวิจัย พบว่า หลังการได้รับโปรแกรม ค่าคะแนนเฉลี่ยความรู้เรื่องโรคหลอดเลือดสมอง ทักษะการฟื้นฟูสมรรถภาพ การรับรู้พลังอำนาจของผู้ดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง สูงกว่าก่อนการเข้าร่วมโปรแกรม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับน้อยกว่า 0.05 และความสามารถในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง มากกว่าก่อนการเข้าร่วมโปรแกรม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับน้อยกว่า 0.05 ดังนั้นพยาบาลหรือบุคลากรสาธารณสุขอื่นๆ สามารถพัฒนาและประยุกต์ใช้โปรแกรมนี้ในการเสริมสร้างพลังอำนาจผู้ดูแลเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยโรคเรื้อรังอื่นๆได้

เอกสารอ้างอิง

กรมควบคุมโรค. (2564). รณรงค์วันอัมพาตโลก. สืบค้น 15 มีนาคม 2564. จาก https://ddc.moph.go.th/dir/news.php?news=10024&deptcode=dir.

จารุวรรณ ปิยหิรัญ. (2561). ผลของโปรแกรมการสร้างเสริมสมรรถนะแห่งตนของผู้ดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง. วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตร์มหาบัณฑิต (สาขาวิชาการพยาบาลเวชปฏิบัติชุมชน). มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ.

น้อมจิตต์ นวลเนตร์ และคณะ. (2555). อัมพาตครึ่งซีก: ท่านสามารถช่วยเขาได้. กรุงเทพฯ: สุขภาพใจการพิมพ์.

พัชราภรณ์ สิรินธรานนท์. (2558). ผลของโปรแกรมการสอนแนะผู้ดูแลต่อความสามารถในการปฏิบัติ กิจวัตรประจำวัน ของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองวัยผู้ใหญ่.วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต (สาขาวิชาพยาบาลศาสตร์) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

พิมพ์ชนก ปานทอง. (2560). การเสริมสร้างพลังอำนาจผู้ดูแลเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา. วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต (สาขาการเวชปฏิบัติการชุมชน). มหาวิทยาลัยขอนแก่น.

สมนึก สกุลหงส์โสภณ, สิริวรรณ อนันตโชค และกฤษณี โหลสกุล. (2554). "ปัจจัยบางประการความสามารถในกิจวัตรประจำวัน และภาวะแทรกซ้อนในผู้ป่วยอัมพาตจากหลอดเลือดสมอง". วารสารการพยาบาลและการศึกษา, 4(2), 36-52.

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา. (2563). รายงานสถิติสาธารณสุขประจำปี: สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข.

อรพรรณ ฟูมณีโชติ. การให้การดูแล (caring of the caregiver). สืบค้น 15 มีนาคม 2564. จาก https://meded.psu.ac.th/binla/class04/388_441/Caring_of the Caregiver/index1.html.

American Heart Association. (2021). Stroke statistics. March 15, 2021, Retrieved from http://www.world-stroke.org.

Gibson, C.H. (1993). "A study of empowerment in mothers of chronically Ill children." Journal of Advanced Nursing, 21, 865-871.

World Stroke Organization: WSO. (2021). World stroke day. March 15, 2021, Retrieved from http://www.world-stroke.org.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2021-12-21

รูปแบบการอ้างอิง

ลักษณะไทย ส. (2021). การเสริมสร้างพลังอำนาจผู้ดูแลเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง โรงพยาบาลอุทัย . วารสารวิจัยการพยาบาลและการสาธารณสุข, 1(3), 89–101. สืบค้น จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/jnphr/article/view/254626