ผลของโปรแกรมการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองและผู้ดูแลระยะเปลี่ยนผ่าน จากโรงพยาบาลสู่บ้านต่อความสามารถการใช้ชีวิตประจำวัน ภาวะแทรกซ้อนของผู้ป่วยและความสามารถการจัดการตนเองของผู้ดูแล
คำสำคัญ:
โปรแกรมการดูแลระยะเปลี่ยนผ่านจากโรงพยาบาลสู่บ้าน, ความสามารถการใช้ชีวิตประจำวัน, ความสามารถการจัดการตนเอง, ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง, ผู้ดูแลบทคัดย่อ
การวิจัยกึ่งทดลองแบบกลุ่มเดียววัดก่อนและหลังการทดลองนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองและญาติผู้ดูแลระยะเปลี่ยนผ่านจากโรงพยาบาลสู่บ้านต่อความสามารถการใช้ชีวิตประจำวัน ภาวะแทรกซ้อนของผู้ป่วย และความสามารถการจัดการตนเองของผู้ดูแล โรงพยาบาลสงขลา กลุ่มตัวอย่างได้แก่ ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองและผู้ดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ที่เข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองและระบบประสาท โรงพยาบาลสงขลา ระหว่างเดือนมีนาคม - กันยายน 2564 รวม 34 คน เลือกตัวอย่างแบบเจาะจงตามเกณฑ์คุณสมบัติที่กำหนด เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย โปรแกรมการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองและผู้ดูแลระยะเปลี่ยนผ่านจากโรงพยาบาลสู่บ้าน แบบประเมินความสามารถในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันของผู้ป่วย และแบบสอบถามความสามารถในการจัดการตนเอง มีค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อคำถามกับวัตถุประสงค์ระหว่าง 0.67-1.00 และค่าสัมประสิทธิ์แอลฟ่าของครอนบาคของแบบสอบถามความสามารถในการจัดการตนเอง เท่ากับ 0.88 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา Dependent t-test และ สถิติ Wilcoxon Signed Ranks Test
ผลการวิจัยพบว่า 1) ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองมีความสามารถการใช้ชีวิตประจำวันหลังใช้โปรแกรมสูงกว่าก่อนใช้โปรแกรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.001 2) หลังใช้โปรแกรม ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ไม่มีภาวะแทรกซ้อนหลังจำหน่ายจากโรงพยาบาล และ 3) ผู้ดูแลมีความสามารถจัดการตนเองหลังใช้โปรแกรมสูงกว่าก่อนใช้โปรแกรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.001 ดังนั้นจึงควรนำโปรแกรมการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองและผู้ดูแลระยะเปลี่ยนผ่านจากโรงพยาบาลสู่บ้านไปปรับใช้ในผู้ป่วยที่ได้รับการจำหน่ายจาโรงพยาบาลในแผนกอื่น ๆ ตลอดจนการนำไปขยายผลให้โรงพยาบาลชุมชน เพื่อความต่อเนื่องในการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองได้อย่างเป็นรูปธรรม
เอกสารอ้างอิง
กนกวรรณ ช้างโรจน์, ละเอียด แจ่มจันทร์ และจินตนา อาจสันเที๊ยะ. (2563). ผลของการใช้โปรแกรมวางแผนการจำหน่ายตามแนวคิด M-E-T-H-O-D ต่อความสามารถของผู้ดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง. วารสารวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์, 12(2), 223-239.
กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. (2561). แนวทางการประเมินสถานพยาบาลด้านโรคหลอดเลือดสมอง.สืบค้นเมื่อ 23 กรกฎาคม 2565 จาก https://www.dms.go.th/backend//Content/Content_File/Old_Content/dmsweb/publish/ publish28062019110601.pdf.
กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. (2564). คู่มือการคัดกรองและประเมินสุขภาพผู้สูงอายุ พ.ศ. 2564. สืบค้นเมื่อ 23 มกราคม 2565 จาก http://www.tako.moph.go.th/takmoph2016/ file_download/file_20210129131952.pdf.
ธีรนุช ห้านิรัติศัย และปริญญา แร่ทอง. (2556). การรับรู้ความพร้อมของผู้ดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง. วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, 21(7 ฉบับพิเศษ), 634-639.
โบตั๋น บุญฮู้. (2563). ผลของโปรแกรมการส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านต่อความมั่นใจและการเผชิญปัญหาในการเปลี่ยนผ่านของภาวะสุขภาพในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองตีบที่เป็นครั้งแรก. วิทยานิพนธ์พยาบาล ศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการพยาบาลผู้ใหญ่ คณะพยาบาลศาสตร์, มหาวิทยาลัยคริสเตียน.
ประคอง อินทรสมบัติ และคณะ. (2556). การดูแลผู้ป่วยสูงอายุที่รับไว้ในโรงพยาบาลอย่างครบวงจรและต่อเนื่อง: การดูแลระยะเปลี่ยนผ่านจากโรงพยาบาลสู่บ้าน. รามาธิบดีพยาบาลสาร, 19(2), 194-205.
ปรารถนา วัชรานุรักษ์ และอัจฉรา กลับกลาย. (2560). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง จังหวัดสงขลา. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้, 4(1), 217-231.
ยุพาพิน ศิรโพธิ์งาม, สุปรีดา มั่นคง และสิริรัตน์ ลีลาจรัส. (2559). การประเมินประสิทธิผลของโปรแกรมการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง และญาติผู้ดูแลในระยะเปลี่ยนผ่านจากโรงพยาบาลสู่บ้าน. วารสารพยาบาลสาธารณสุข, 30(3), 84-101.
วันเพ็ญ พิชิตพรชัย และอุษาวดี อัศดรวิเศษ. (2545). การวางแผนจำหน่ายผู้ป่วย: แนวคิดและการประยุกต์ใช้. กรุงเทพฯ: คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.
วาสนา มูลฐี, สุปรีดา มั่นคง, ยุพาพิน ศิรโพธิ์งาม และสิริรัตน์ ลีลาจรัส. (2559). ผลของโปรแกรมการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองและญาติผู้ดูแลระยะเปลี่ยนผ่านจากโรงพยาบาลสู่บ้านต่อความสามารถในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันภาวะแทรกซ้อน และความพึงพอใจของผู้ป่วย. วารสารสภาการพยาบาล, 31(1), 95-110.
วีรวัฒน์ จิตจูง. (2561). การพัฒนาโปรแกรมส่งเสริมสมรรถนะของผู้ดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองโรงพยาบาลวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์. วิทยานิพนธ์สาธารณสุขศาสตรดุษฎีบัณฑิต
อรุณ จิรวัฒน์กุล. (2556). ชุดความรู้สถิติ. นนทบุรี: สำนักวิชาการสาธารณสุข กระทรวงวสาธารณสุข.
Camak, D. J. (2015). Addressing the burden of stroke caregivers; A literature review. Journal of Clinical Nursing, 24(17-18), 2376-2382. https://doi.org/10.1111/jocn.12884.
Cheng, H. Y., Chair, S. Y., & Pak-ChunChau, Y. (2014). The effectiveness of psychosocial interventions for stroke family caregivers and stroke survivors: A systematic review and meta-analysis. Patient Education and Counseling, 95(1), 30-44.
Edsberg, L. E., et al. (2016). Revised National Pressure Ulcer Advisory Panel Pressure Injury Staging System: Revised Pressure Injury Staging System. Journal Wound Ostomy Continence Nurse, 43(6), 585-597.
Faul, F., Erdfelder, E., Lang, A. G., & Buchner, A. (2007). G*Power 3: A flexible statistical power analysis program for the social, behavioral, and biomedical sciences. Behavior Research Methods, 39(2), 175-191.
Meleis, A. I., Sawyer, L. M., Im, E. O., Messias, D. K., & Schumacher, K. (2000). Experiencing transitions: An emerging middle-range theory. Advances in Nursing Science, 23(1), 12-28.
Naylor, M. D. & Keating, S. A. (2008). Transitional care: Moving patients from one care setting to another. The American Journal of Nursing, 108(9 Suppl), 58-63.
Naylor, M. D. (2002). Transitional care of older adults. In P. Archbold, & B. Stewart (Eds.), Annual Review of Nursing Research. New York: Spinnger.
Naylor, M. D., Brooten, D., Campbell, R. L., Maislin, G., McCauley, K. M., & Schwartz, J. S. (2004). Transitional care of older adults hospitalized elders: A randomized controlled trial. Journal American Geriatrics Society, 52, 675-684.
Orem, D. E. (1991). Nursing Concepts of Practice (4thed.). St.Louis: Mosby Year Book.
Qiu, X., Sit, W. H. J., & Koo, K. F. (2018). The influence of Chinese culture on family caregivers of stroke survivors: A qualitative study. Clinical Nursing, 27(1-2), e309-e319. https://doi.org/10.1111/jocn.13947.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 วารสารวิจัยการพยาบาลและการสาธารณสุข

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
1. บทความหรือข้อคิดเห็นใด ๆ ที่ปรากฏในวารสารวิจัยการพยาบาลและการสาธารณสุข ที่เป็นวรรณกรรมของผู้เขียน บรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
2. บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ วารสารวิจัยการพยาบาลและการสาธารณสุข


