ผลของโปรแกรมการส่งเสริมสุขภาพตามหลัก 3อ 2ส ต่อความรอบรู้ด้านสุขภาพพฤติกรรมการป้องกันระดับความดันโลหิตในกลุ่มเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง

ผู้แต่ง

  • นัทชญา ตั่นหุ้ย โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านลำชิง
  • พิมพา สังข์ทอง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านลำชิง
  • มาวินี เถาะมัน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านลำชิง
  • กิตติพร เนาว์สุวรรณ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สงขลา คณะพยาบาลศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก
  • นภชา สิงห์วีรธรรม คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

คำสำคัญ:

โปรแกรมการส่งเสริมสุขภาพ, 3อ 2ส, พฤติกรรมสุขภาพ, กลุ่มเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง

บทคัดย่อ

การวิจัยกึ่งทดลองแบบกลุ่มเดียววัดผลก่อนและหลังการทดลองนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยความรอบรู้ด้านสุขภาพ พฤติกรรมการป้องกันโรคความดันโลหิตสูง และระดับความดันโลหิตในกลุ่มเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง ระหว่างก่อนและหลังได้รับโปรแกรมการส่งเสริมสุขภาพตามหลัก 3อ 2ส กลุ่มตัวอย่างทำการคัดเลือกแบบเจาะจง ได้แก่ บุคคลที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง ปีงบประมาณ 2563 จำนวน 42 คน เครื่องมือในการวิจัย ได้แก่ โปรแกรมการส่งเสริมด้านสุขภาพตามหลัก 3อ 2ส แบบประเมินความรอบรู้ด้านสุขภาพ ได้ค่าความเชื่อมั่น KR20 เท่ากับ 0.75 แบบประเมินการเข้าถึงข้อมูลและบริการสุขภาพ การสื่อสารสุขภาพ การจัดการตนเอง การรู้เท่าทันสื่อ การตัดสินใจเลือกปฏิบัติที่ถูกต้องตามหลัก 3อ 2ส และแบบประเมินพฤติกรรมการป้องกันโรคความดันโลหิตสูงตามหลัก 3อ 2ส ได้ค่าความเชื่อมั่นเครื่องมือเท่ากับ 0.90 และ 0.83 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และสถิติทดสอบ Dependent t-test

ผลการวิจัยพบว่า หลังเข้าร่วมโปรแกรม กลุ่มเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูงมีคะแนนเฉลี่ยความรอบรู้ด้านสุขภาพ และพฤติกรรมการป้องโรคความความดันโลหิตสูง สูงกว่าก่อนเข้าร่วมโปรแกรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value < 0.001) นอกจากนี้ ระดับค่าเฉลี่ยความดันโลหิตทั้ง Systolic และ Diastolic ของกลุ่มเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูงต่ำกว่าก่อนได้รับโปรแกรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value < 0.001) ดังนั้น ทีมสุขภาพจึงสามารถนำโปรแกรมดังกล่าวมาปรับใช้เป็นแนวทางในการจัดการความรอบรู้ด้านสุขภาพกับผู้ป่วยต่าง ๆ เช่น ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคเรื่อรังอื่น ๆ เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพของผู้ป่วยให้ดียิ่งขึ้น

เอกสารอ้างอิง

ทรัพย์ทวี หิรัญเกิด, พร้อมจิตร ห่อนบุญเหิม และสุรชาติ สิทธิปกรณ์. (2556). ผลของโปรแกรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่อความรอบรู้ พฤติกรรมการดูแลตนเอง และระดับความดันโลหิตของกลุ่มเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง. วารสารสมาคมพยาบาลฯ สาขาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, 31(4), 100-101.

นุชนาถ สำนัก, มาเรียม แอกูยิ, ตั้ม บุญรอด และกำไล สมรักษ์. (2554). ประสิทธิผลของโปรแกรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพของประชาชนกลุ่มเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูงในชุมชนหลักกิโลสาม ตำบลปากพนัง ฝั่งตะวันออก อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช. วารสารการวิจัยสาธารณสุขศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 4(2), 25-26.

นุสบา สันหละ. (2564). ผลของโปรแกรมการจัดการตนเองต่อพฤติกรรมการควบคุมระดับความดันโลหิตของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง. วารสารวิจัยการพยาบาลและการสาธารณสุข, 1(1), 37.

เนติยา แจ่มทิม และสินีพร ยืนยง. (2562). การใช้สื่อออนไลน์ และการรู้เท่าทันสื่อสารสนเทศสุขภาพออนไลน์ของผู้สูงอายุ จังหวัดสุพรรณบุรี. วารสารสุขภาพและการศึกษาพยาบาล, 25(2), 180.

ประภาศรี ภูมิถาวร, นงพิมล นิมิตรอานันท์ และศศิธร รุจนเวช. (2560). ผลของโปรแกรมการส่งเสริมความฉลาดทางสุขภาพสำหรับนักเรียนระดับ ประถมศึกษาที่มีภาวะน้ำหนักตัวเกิน. วารสาร โรงพยาบาลชลบุรี, 42(2), 169-178.

ยุภาพร นาคกลิ้ง และปราณี ทัดศรี. (2560). ผลของโปรแกรมการสร้างเสริมการรับรู้ความสามารถตนเองต่อพฤติกรรมสุขภาพ ของผู้สูงอายุโรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมระดับความดันโลหิตไม่ได้. วารสารวิชาการสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ฉบับมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, 6(1), 27-35.

รุ่งนภา อาระหัง. (2561). ผลของโปรแกรมการส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคความดันโลหิตสูงสำหรับกลุ่มเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง ที่ชุมชนแห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐม. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต สาขาการพยาบาลเวชปฏิบัติชุมชน คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยคริสเตียน.

ศรีรัตน์ อินถา และกิริยา คำนาน. (2566). ผลของโปรแกรมการสัมภาษณ์เพื่อสร้างแรงจูงใจร่วมกับการใช้โค้ชด้านสุขภาพของผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงที่มีโรคไตเรื้อรังระยะที่ 3 ต่อการบริโภคโซเดียมระดับความดันโลหิตและอัตราการกรองไต. วารสารวิจัยการพยาบาลและการสาธารณสุข, 3(1), 73-74.

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา. (2563). กลุ่มรายงานมาตรฐาน การป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อที่สำคัญ. สืบค้นเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2563 จาก https://ska.hdc.moph.go.th/hdc/reports/report.php source=pformated/format1.php&cat_id=6a1fdf282fd28180eed7d1cfe0155e11&id=29 eec762c9591d1f8092da14c7462361

สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค.(2563). ข้อมูลโรคไม่ติดต่อจำนวนอัตราป่วยตาย ปี 2559-2562. สืบค้นเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2563 จาก http://www.thaincd.com/2016/mission/documentsdetail.php?id=13684&tid=32&gid=1-020.

สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค.(2563). จำนวนและอัตราผู้ป่วยในโรคไม่ติดต่อ ปี 2558. สืบค้นเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2563 จาก http://www.thaincd.com/2016/mission/documents.php?tid=32&gid=1-020&searchText=&pn=2.

สุภาพ พุทธปัญโญ, นิจฉรา ทูลธรรม และนันทิพัฒน์ พัฒนโชติ. (2559). ประสิทธิผลของโปรแกรมพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพต่อความฉลาดทางสุขภาพ พฤติกรรมการลดน้ำหนัก และน้ำหนักของบุคลากรที่มีภาวะโภชนาการเกินในโรงพยาบาลร้อยเอ็ด อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด. วารสารการพยาบาลและการศึกษา, 9(4), 42-59.

อัมภรณ์รัตน์ มากแก้ว, สุทธีพร มูลศาสตร์ และมนตรี บุญเรืองเศษ. (2561). ประสิทธิผลของโปรแกรมเสริมแรงจูงใจผ่านการสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์ในการป้องกันโรคความดันโลหิตสูงในกลุ่มเสี่ยง. วารสารพยาบาลสาธารณสุข, 32(3), 146.

Cohen, J. (1988). Statistical power analysis for the behavioral sciences. (2nd). Hillsdale, NJ: Lawrence Erlbaum Associates, Publishers.

Faul, F., Erdfelder, E., Lang, A. G., & Buchner, A. (2007). G*Power 3: A flexible statistical power analysis program for the social, behavioral, and biomedical sciences. Behavior Research Methods, 39(2), 175-191.

Joint National Committee. (2003). The seventh report of the joint national committee on prevention, detection, evaluation and treatment of high blood pressure. N.P.

Mackert, M., Mabry-Flynn, A., Champlin, S., Donovan, E. E., &Pounders, K. (2016). Health literacy and health information technology adoption: The potential for a new digital divide. Journal of Medical Internet Research, 18(10), e264. Doi:10.2196/jmir.6349

Nutbeam, D. (2000). Health literacy as a public health goal: a challenge for contemporary health education and community strategies into the 21st century. Health Promotion International, 15(3), 259-267.

Nutbeam, D. (2008). The evolving concept of health literacy. Social Science and Medicine, 67(12), 2072-2078.

Taggart, J et al., (2012). A systematic review of interventions in primary care to improve health literacy for chronic disease behavioral risk factors. BMC Family Practice, 13, 49.

Wu, S.L. et al. (2012). Prevalence of prehypertension and associated cardiovascular risk: two years follow up results. Zhonghua Xin Xua Guan Bing Za Zhi, 38(5), 415-419.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2023-03-28

รูปแบบการอ้างอิง

ตั่นหุ้ย น., สังข์ทอง พ. ., เถาะมัน ม. ., เนาว์สุวรรณ ก., & สิงห์วีรธรรม น. . (2023). ผลของโปรแกรมการส่งเสริมสุขภาพตามหลัก 3อ 2ส ต่อความรอบรู้ด้านสุขภาพพฤติกรรมการป้องกันระดับความดันโลหิตในกลุ่มเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง. วารสารวิจัยการพยาบาลและการสาธารณสุข, 3(2), 96–111. สืบค้น จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/jnphr/article/view/260356