ผลของการพัฒนารูปแบบการจัดการตนเองของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้ โรงพยาบาลบ้านธิ จังหวัดลำพูน
คำสำคัญ:
รูปแบบการจัดการตนเอง, ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2, การควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้บทคัดย่อ
การวิจัยนี้เป็นรูปแบบการวิจัยและพัฒนา มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการตนเองของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้ และเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยคะแนนพฤติกรรมการจัดการตนเองและค่าเฉลี่ยระดับน้ำตาลสะสมของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้ก่อนและหลังเข้าร่วมโปรแกรม โรงพยาบาลบ้านธิ จังหวัดลำพูน โดยใช้กรอบแนวคิดของซูคัพ (Soukup, 2000) และกรอบแนวคิดจัดการตนเองของ เครียร์ (Creer, 2000) กลุ่มตัวอย่าง คือ พยาบาลวิชาชีพแผนกผู้ป่วยนอก จำนวน 3 คน และ ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้ จำนวน 290 คน เครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินการวิจัย ได้แก่ รูปแบบการจัดการตนเองของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ 1) แบบบันทึกข้อมูลทั่วไปของกลุ่มตัวอย่าง 2) แบบประเมินประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการตนเอง 3) แบบสอบถามความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวาน และ 4) แบบปะเมินพฤติกรรมการจัดการตนเอง วิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้สถิติเชิงพรรณนาและสถิติ Paired t-test
ผลการศึกษา พบว่า ประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการตนเองของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้ มีประสิทธิภาพอยู่ในระดับมาก (Mean = 66.80, S.D. = 25.09) หลังเข้าร่วมโปรแกรม กลุ่มตัวอย่างมีค่าเฉลี่ยคะแนนพฤติกรรมการจัดการตนเองในด้านการออกกำลังกายและการลดความเครียดเพิ่มขึ้นมากกว่าก่อนเข้าร่วมโปรแกรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value < 0.001) และค่าเฉลี่ยระดับน้ำตาลสะสมของกลุ่มตัวอย่าง หลังเข้าร่วมโปรแกรมลดลงมากกว่าก่อนการเข้าร่วมโปรแกรมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value < 0.001) จากผลการวิจัยนี้ พยาบาลประจำคลินิกโรคเบาหวานสามารถนำรูปแบบฯ นี้ไปประยุกต์ใช้เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ป่วยให้เหมาะสมและควบคุมระดับน้ำตาลสะสมได้
References
กัลยกร ลักษณะเลขา, สมสมัย รัตนกรีฑากุล และสุวรรณา จันทร์ประเสริฐ. (2560). ผลของการชี้แนะต่อพฤติกรรมการจัดการตนเองและระดับน้ำตาลในเลือดของผู้เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ฉีดอินซูลิน. วารสารพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 29(1), 67- 89.
ญาณิสรา ปินตานา และนิทรา กิจธีระวุฒิวงษ์. (2561). ผลของโปรแกรมการจัดการตนเองต่อพฤติกรรมการจัดการตนเองของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2. วารสารพยาบาลศาสตร์และสุขภาพ, 12(1),72-83.
ดารารัตน์ อุ่มบางตลาด และศตกมล ประสงค์วัฒนา. (2560). ผลของโปรแกรมการดูแลผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 แบบเข้ม ต่อความรู้ พฤติกรรมการจัดการตนเองและระดับน้ำตาล ในเลือด ของผู้ป่วยเบาหวานใน PCU อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา. วารสารวิจัยการพยาบาลและสุขภาพ, 18(1), 11-23.
ธัสมน นามวงษ์, รัชชนก กลิ่นชาติ, สุมาลี ราชนิยม, พนัชกร ค้าผล และนฤมล ทองภักดี. (2562). การพัฒนารูปแบบการส่งเสริมการจัดการตนเอง ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้. วารสารพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข, 29(3), 179-193.
พิกุล นันทชัยพันธ์. (2550). การประเมินคุณภาพด้านการนำไปใช้ของแนวปฏิบัติทางคลินิก: เอกสารประกอบการบรรยายการอบรม เรื่อง การปฏิบัติตามหลักฐานเชิงประจักษ์. กรุงเทพฯ: ศูนย์บริการพยาบาล คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
เพ็ญบุญญา สัตยสมบูรณ์, สุวรรณี สร้อยสงค์, ภัณฑิรชา เฟื่องทอง และคุณญา แก้วทันคํา. (2563). ผลของโปรแกรมการจัดการตนเองต่อระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2. วารสารบัณฑิตศึกษา ปริทรรศน์ มจร วิทยาเขตแพร่, 6(1), 32-47.
ศูนย์ข้อมูลโรงพยาบาลบ้านธิ จังหวัดลำพูน. (2564). ข้อมูลโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง. ม.ป.ท.
สลิดา รันนันท์ และพาพร เหล่าสีนาท. (2562). พัฒนาแนวปฏิบัติทางการพยาบาลเพื่อส่งเสริมการจัดการตนเองของผู้ป่วยเบาหวาน ชนิดที่ 2 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้ โรงพยาบาลกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม. วารสารโรงพยาบาลมหาสารคาม, 16(3), 138-148.
สหพันธ์เบาหวานนานาชาติ. (2564). สถิติโรคเบาหวาน. สืบค้นเมื่อ 27 มีนาคม 2565 จาก https://www.pptvhd36.com/health/news/2298
สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค. (2565). ข้อมูลโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง. สืบค้นเมื่อ 27 มีนาคม 2565 จาก https://pr.moph.go.th/ url=pr/detail/2/02/181256
Banday, M. Z., Sameer, A. S., & Nissar, S. (2020). Pathophysiology of diabetes: An overview. Avicenna Journal of Medicine, 10(4), 174–188. https://doi.org/10.4103/ajm.ajm_53_20
Creer, L.T. (2000). Self-management of chronic illness. In: Boekaerts M, Pintrich PR, & Zeidner M, (eds). Handbook of self-regulation. California: Academic Press.
Papatheodorou, K., Banach, M., Bekiari, E., Rizzo, M., & Edmonds, M. (2018). Complications of Diabetes 2017. Journal of Diabetes Research, 3086167. https://doi.org/10.1155/2018/3086167
Soukup, S. M. (2000). Evidence-based Practice Model Promoting the Scholarship of Practice. In SM Soukup & CF Beason Eds. Nursing Clinic of North America. Philadelphia: WB Saunders.

Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2023 วารสารวิจัยการพยาบาลและการสาธารณสุข

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
1. บทความหรือข้อคิดเห็นใด ๆ ที่ปรากฏในวารสารวิจัยการพยาบาลและการสาธารณสุข ที่เป็นวรรณกรรมของผู้เขียน บรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
2. บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ วารสารวิจัยการพยาบาลและการสาธารณสุข