การพัฒนารูปแบบการเฝ้าระวังเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ภายหลังได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคพื้นฐาน จังหวัดปัตตานี
คำสำคัญ:
การพัฒนารูปแบบ, การเฝ้าระวังเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์, การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคพื้นฐาน, อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านบทคัดย่อ
การวิจัยและพัฒนานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการเฝ้าระวังเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ภายหลังได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคพื้นฐาน จังหวัดปัตตานี การดำเนินงานวิจัย ประกอบด้วย 3 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาสภาพการณ์ ปัญหาความต้องการ และการจัดการการรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ภายหลังได้รับวัคซีน โดยวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ ผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจำนวน 212 คน ขั้นตอนที่ 2 การสร้างและพัฒนารูปแบบฯ และขั้นตอนที่ 3 ศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบฯ โดยวิธีวิจัยแบบกึ่งทดลอง กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข จำนวน 27 คน และ อสม. จำนวน 135 คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยสถิติเชิงพรรณนา เปรียบเทียบระดับความรู้ของ อสม. ระหว่างก่อนและหลังการใช้รูปแบบ ฯ โดยสถิติ Wilcoxon Signed Rank test
ผลการวิจัย พบว่า รูปแบบการเฝ้าระวังเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ภายหลังได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคพื้นฐาน คือ P_TANI model ประกอบด้วย 1) การมีส่วนร่วมของ อสม. 2) การผลิตสื่อความรู้การเรียนด้วยตนเอง 2 ภาษา และแบบสังเกตอาการผิดปกติ 3) การเรียนด้วยตนเองแบบออนไลน์สำหรับ อสม. 4) การสังเกตใกล้ชิดแบบเพื่อนบ้าน และ 5) การรายงานข้อมูลภายใน 24 ชั่วโมง ผลการประเมินระหว่างก่อนและหลังการใช้รูปแบบฯ พบว่า อสม. มีคะแนนความรู้ไม่แตกต่างกัน ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายควรให้สถานบริการเพิ่มเวลาทำการให้บริการวัคซีน ร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขควรมีการควบคุมกำกับการปฏิบัติงานของ อสม. ในการติดตามเยี่ยมบ้านและรายงานอาการเด็กวัยก่อนเรียนภายหลังได้รับวัคซีนอย่างต่อเนื่อง
เอกสารอ้างอิง
กนกทิพย์ ทิพย์รัตน์ และคณะ. (2563). แนวทางการเฝ้าระวังและตอบโต้เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ภายหลังได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคของประเทศไทย. กรุงเทพฯ: ห้างหุ้นส่วนจำกัด แคนนา กราฟฟิค.
กนกทิพย์ ทิพย์รัตน์. (2559). อาการภายหลังได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค (Adverse Events Following Immunization: AEFI). กรุงเทพฯ: สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข.
กรกมล รุกขพันธ์ และคณิตา สุทธิทิปธรรมรงค์. (2561). ปัญหาและแนวทางการพัฒนาระบบเฝ้าระวังอาการภายหลัง ได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคในจังหวัดสงขลา. วารสารเภสัชกรรมไทย, 10(2), 517–532.
กองโรคป้องกันด้วยวัคซีน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2562). ตำราวัคซีนและการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ปี 2562. พิมพ์ครั้งที่ 2. นนทบุรี: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.
ต่อลาภ ฐิติเจริญศักดิ์ และคณะ. (2565). การศึกษาพฤติกรรมสารสนเทศด้านสุขภาพของผู้สูงอายุ. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
ธนรักษ์ ผลิพัฒน์, เสาวพักตร์ ฮิ้นจ้อย, คำนวณ อึ้งชูศักดิ์, ปภานิจ สวงโท และอาทิชา วงศ์คำมา. (2557). ระบบเฝ้าระวังโรค 5 กลุ่มโรค 5 มิติ. กรุงเทพฯ: บริษัท ฮีร์ จำกัด.
ประกาย หมายมั่น. (2565). การพัฒนาระบบเฝ้าระวังอาการภายหลังได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค. วารสารการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ, 2(1), 83–99.
พุฒิธร มาลาทอง, เทอดศักดิ์ พรหมอารักษ์ และสมศักดิ์ ศรีภักดี. (2564). กระบวนการพัฒนามาตรฐานการดำเนินงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคใน หน่วยบริการปฐมภูมิของเครือข่ายบริการสุขภาพ อำเภอชำนิ จังหวัดบุรีรัมย์. วารสารวิชาการสาธารณสุขชุมชน, 7(3), 75–75.
ภาวินี ด้วงเงิน และคณะ. (2565). ผลการเฝ้าระวังเหตการณ์ไม่พึงประสงค์ภายหลังการได้รับวัคซีนป้องกันโควิด 19 ในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม-31 ธันวาคม 2564, 10 เดือน ภายหลังการรณรงค์ฉีดวัคซีน. รายงานการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาประจำสัปดาห์, 53(31), 69–87.
วรัญญภรณ์ ชาลีรักษ. (2562). การพัฒนารูปแบบการติดตามและประเมินผลแบบมีส่วนร่วมให้ มีประสิทธิภาพตามหลักธรรมาภิบาลและสอดคล้องกับทิศทางการปฏิรูปการศึกษาของประเทศในยุคประเทศไทย 4.0.ฉะเชิงเทรา: สำนักงานศึกษาธิการภาค 9 สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงศึกษาธิการ.
อติญาณ์ ศรเกษตริน, รุ่งนภา จันทรา, รสติกร ขวัญชุม และลัดดา เรืองด้วง. (2560). ผลของโปรแกรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพตามแนวทาง 3อ.2ส. ของอาสาสมัครสาธารณสุข ประจำหมู่บ้าน (อสม.) ตำบลคลองฉนาก อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้, 4(1), 253–264.
อัญชลี ศิริพิทยาคุณกิจ และคณะ. (2561). หลักสูตรเชิงปฏิบัติการสำหรับเจ้าหน้าที่สร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ปี 2561. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน).
อาทิตยา สมโลก และกฤษดี พ่วงรอด. (2563). เงื่อนไขที่เอื้อต่อความรอบรู้สุขภาพด้านการฉีดวัคซีนในเด็ก 0-12 ปี ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี. ปัตตานี: มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ปัตตานี.
อีระฟาน หะยีอีแต และประภาภรณ์ หลังปูเต๊ะ. (2563). รูปแบบการส่งเสริมความครอบคลุมของวัคซีนในเด็ก 0-5 ปี จังหวัดยะลา. วารสาร อัล-ฮิกมะฮฺ มหาวิทยาลัยฟาฏอนี, 10(20), 137–148.
Boulding, K. E., & Bertalanffy, L. V. (1920). General system theory: Foundations, development, applications. New York: George Braziller.
Cohen, J. (1988). Statistical power analysis for the behavioral sciences. (2nd). Hillsdale, New Jersey: Lawrence Erlbaum Associates, Publishers.
Crabtree, B. F., & Miller, W. L. (1992). Doing qualitative research: Multiple strategies. Thousand Oaks, CA: Sage Publications.
Faul, F., Erdfelder, E., Lang, A. G., & Buchner, A. (2007). G*Power 3: A flexible statistical power analysis program for the social, behavioral, and biomedical sciences. Behavior Research Methods, 39(2), 175-191. doi: 10.3758/bf03193146
Pandey, D., Mehta, G., Sachdeva, M., & Tripathi, R. (2022). Adverse Event Following Immunization (AEFI) in children: An analysis of reporting in VigiAccess. Drug Research, 72(8), 435–440. https://doi.org/10.1055/a-1852-5335
Succi R. C. M. (2018). Vaccine refusal - what we need to know. Journal De Pediatric, 94(6), 574-581. https://doi.org/10.1016/j.jped.2018.01.008
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 วารสารวิจัยการพยาบาลและการสาธารณสุข

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
1. บทความหรือข้อคิดเห็นใด ๆ ที่ปรากฏในวารสารวิจัยการพยาบาลและการสาธารณสุข ที่เป็นวรรณกรรมของผู้เขียน บรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
2. บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ วารสารวิจัยการพยาบาลและการสาธารณสุข


