การประเมินคุณค่าการขับเคลื่อนธรรมนูญสุขภาพพื้นที่ในการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคโคโรน่าไวรัส-2019 ในพื้นที่เขตสุขภาพ 10

ผู้แต่ง

  • ปวีณา ลิมปิทีปราการ วิทยาลัยแพทยศาสตร์และสาธารณสุข มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
  • พลากร สืบสำราญ วิทยาลัยแพทยศาสตร์และสาธารณสุข มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
  • นิยม จันทร์นวล วิทยาลัยแพทยศาสตร์และสาธารณสุข มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
  • อนันต์ ไชยกุลวัฒนา วิทยาลัยแพทยศาสตร์และสาธารณสุข มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
  • ชลลดา ไชยกุลวัฒนา คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
  • จงกลนี ศิริรัตน์ มูลนิธิประชาสังคมจังหวัดอุบลราชธานี
  • รพินทร์ ยืนยาว มูลนิธิประชาสังคมจังหวัดอุบลราชธานี
  • วิชิต พุ่มจันทร์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี
  • สุดารัตน์ เวยสาร วิทยาลัยแพทยศาสตร์และสาธารณสุข มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี

คำสำคัญ:

การประเมินคุณค่า, โคโรน่าไวรัส-2019, ธรรมนูญสุขภาพ, การมีส่วนร่วมของประชาชน, ภาวะสาธารณสุขฉุกเฉิน

บทคัดย่อ

การวิจัยเชิงพรรณนานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินคุณค่าการขับเคลื่อนธรรมนูญสุขภาพพื้นที่ในการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคโคโรน่าไวรัส-2019 ในพื้นที่เขตสุขภาพ 10 กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ แกนนำทีมธรรมนูญสุขภาพในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 10 ประกอบด้วย จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดอำนาจเจริญ จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดยโสธร และจังหวัดมุกดาหาร จำนวน 2,444 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถามเพื่อประเมินด้านระดับการรับรู้ แบบสอบถามด้านการมีส่วนร่วม และแบบสอบถามด้านผลลัพธ์ของการขับเคลื่อนงาน ธรรมนูญสุขภาพฯ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา

ผลการศึกษาพบว่า ด้านการรับรู้ของกลุ่มตัวอย่างอยู่ในระดับมากในเรื่องการแพร่ระบาดของโรคโคโรน่าไวรัส-2019 เป็นปัญหาของคนทุกคนที่ต้องร่วมมือช่วยกันดูแลแก้ไขปัญหา (Mean = 4.37, S.D. = 0.69) ส่วนด้านการมีส่วนร่วมอยู่ในระดับมากในเรื่องการร่วมทำประชาคมเพื่อวิเคราะห์ปัญหารับฟังความคิดเห็น และความต้องการของประชาชนเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคโคโรน่าไวรัส-2019 ในพื้นที่ (Mean = 3.93, S.D. = 0.85) และด้านผลลัพธ์ของการขับเคลื่อนงานธรรมนูญสุขภาพ พบว่า อยู่ในระดับมาก โดยเห็นว่าผลลัพธ์ของธรรมนูญทำให้ประชาชนที่เจ็บป่วยด้วยโรคโคโรน่าไวรัส-2019 ได้เข้ารับการรักษาพยาบาลในสถานบริการ ของรัฐอย่างทันท่วงทีมากที่สุด (Mean = 4.21, S.D. = 0.76) สรุปได้ว่าธรรมนูญสุขภาพซึ่งเป็นกติกาของชุมชนในรูปแบบนโยบายสาธารณะ สามารถช่วยลดการแพร่ระบาดของโรคโคโรน่าไวรัส-2019 ในพื้นที่เขตสุขภาพ 10 ได้

เอกสารอ้างอิง

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2564). สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) มาตรการสาธารณสุข และปัญหาอุปสรรคการป้องกันควบคุมโรคในผู้เดินทาง. สืบค้นเมื่อ 21 ตุลาคม 2566 จาก https://ddc.moph.go.th/uploads/files/2017420210820025238.pdf.

จตุรงค์ ศรีสุธรรม. (2559). กระบวนการนโยบายสาธารณะตามพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550. วารสารการบริหารท้องถิ่น, 9(4), 63-79.

ทนงศักดิ์ พลอาษา และประเสริฐ ประสมรักษ์. (2562). ผลการประเมินความเข้มแข็งของการสร้างและใช้ธรรมนูญสุขภาพเฉพาะพื้นที่ ในมุมมองของประชาชน จังหวัดอำนาจเจริญ. ศรีนครินทร์เวชสาร, 34(4), 379-385.

ธีรวุฒิ เอกะกุล. (2543). ระเบียบวิธีวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์และสังคมศาสตร์. อุบลราชธานี: สถาบันราชภัฎอุบลราชธานี.

ระนอง เกตุดาว, อัมพร เที่ยงตรงภักดี และภาสินี โทอินทร์. (2564). การพัฒนารูปแบบการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล จังหวัดอุดรธานี Udon Model COVID-19. วารสารวิชาการสาธารณสุข, 30(1), 53-61.

วงเดือน พระนคณ, พิชญ์สินี แสนเสนยา และอรรถพล ศรีประภา. (2564). การสร้างธรรมนูญสุขภาพสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตแบบบูรณาการ. วารสารสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น, 3(2), 253-268.

วรยุทธ นาคอ้าย, กมลนัทธ์ ม่วงยิ้ม และเดชา วรรณพาหุล. (2563). กระบวนการมีส่วนร่วมในการป้องกันโรคโควิด-19 กรณีศึกษาผู้สูงอายุพฤฒิพลังชุมชนหนองตะโก. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธนบุรี, 14(3), 20-30.

วสุพล วรภัทรทรัพย์. (2564). การขับเคลื่อนธรรมนูญชุมชนเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนของชุมชนยายชา อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม. วิทยานิพนธ์ปริญญา พุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการพัฒนาสังคม บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย.

สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ. (2550). พระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550. นนทบุรี: สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ.

สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ. (2564). จากอดีตสู่อนาคต “ธรรมนูญสุขภาพ” เครื่องมือปฏิวัติความสัมพันธ์ที่สร้างสรรค์-ยั่งยืน. สืบค้นเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2566 จาก https://www.nationalhealth.or.th/en/node/1210.

สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ. (2565). ร่างธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ 3. สืบค้นเมื่อ 21 ตุลาคม 2566 จาก https://www.nationalhealth.or.th/sites/default/files/upload_files/T3_02Jun2022.pdf.

Arnstein, S.R. (1969). A Ladder of Citizen Participation. Journal of the American Institute of Planners, 35(4), 216-224. https://doi.org/10.1080/01944366908977225

Best, John W. (1977). Research in Education (3rd edition). Englewood Cliffs, New Jersey: Prentice Hall, Inc.

Butterfoss, F. D. & Kegler, M.C. (2002). Toward a Comprehensive Understanding of Community Coalitions: Moving from Practice to Theory. In R. DiClemente, L. Crosby, and M.C. Kegler (Eds.), Emerging Theories in Health Promotion Practice and Research (pp. 157-193). San Francisco: Jossey-Bass.

Likert, R. (1967). The method of constructing and attitude scale. New York: Wiley & Son.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2024-09-18

รูปแบบการอ้างอิง

ลิมปิทีปราการ ป., สืบสำราญ พ. ., จันทร์นวล น. ., ไชยกุลวัฒนา อ., ไชยกุลวัฒนา ช., ศิริรัตน์ จ., ยืนยาว ร., พุ่มจันทร์ ว., & เวยสาร ส. (2024). การประเมินคุณค่าการขับเคลื่อนธรรมนูญสุขภาพพื้นที่ในการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคโคโรน่าไวรัส-2019 ในพื้นที่เขตสุขภาพ 10. วารสารวิจัยการพยาบาลและการสาธารณสุข, 4(3), e267729. สืบค้น จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/jnphr/article/view/267729