Ethics

จริยธรรมในการตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอก

มาตรฐานทางจริยธรรมของคณะกรรมการจริยธรรมการตีพิมพ์

หน้าที่และความรับผิดชอบของบรรณาธิการ

บรรณาธิการวารสารพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอกจะรับผิดชอบต่อทุกสิ่งที่มีการตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสาร  กล่าวคือ:

1.ดำเนินการตีพิมพ์วารสารพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอกให้ตรงตามความประสงค์ของผู้อ่านและผู้นิพนธ์

2.ปรับปรุงคุณภาพวารสารพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอกอย่างสม่ำเสมอ

3.ให้การรับรองคุณภาพของงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอก

4.สนับสนุนเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของผู้นิพนธ์ในการตีพิมพ์ในวารสารพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอก

5.คงไว้ซึ่งความถูกต้องและน่าเชื่อถือและความทันสมัยของผลงานทางวิชาการ

6.ปกป้องมาตรฐานของทรัพย์สินทางปัญญา

7.มีความเต็มใจในการแก้ไขข้อผิดพลาดและขออภัยการตีพิมพ์ที่ผิดพลาด เพื่อให้เกิดความกระจ่าง นอกจากนี้จะทำการถอด-ถอนบทความวิชาการและบทความวิจัยหากมีความจำเป็น

หน้าที่ของบรรณาธิการต่อผู้อ่าน

*บรรณาธิการวารสารพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอกจะแจ้งให้ผู้อ่านทราบเกี่ยวกับผู้ให้ทุนสนับสนุนงานวิจัยและบทบาทของผู้ให้ทุนวิจัยในการทำวิจัยนั้นๆ

หน้าที่ของบรรณาธิการต่อผู้นิพนธ์

1.บรรณาธิการวารสารพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอกจะดำเนินการทุกอย่างเพื่อให้มั่นใจในคุณภาพของบทความที่ตีพิมพ์ เพื่อรับรองคุณภาพของงานวิจัยที่ตีพิมพ์ และตระหนักว่าวารสาร และแต่ละส่วนของวารสาร มีวัตถุประสงค์และมาตรฐานที่ต่างกัน

2.การตัดสินใจของบรรณาธิการต่อการยอมรับหรือปฏิเสธบทความวิจัยเพื่อการตีพิมพ์นั้นขึ้นอยู่กับความสำคัญ ความใหม่ และความชัดเจนและน่าเชื่อถือของหลักฐานเชิงประจักษ์ของบทความวิจัย ตลอดจนความเกี่ยวข้องกับขอบเขตของวารสาร

3.บรรณาธิการจะชี้แจงหรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการตรวจสอบประเมินบทความ (peer review)อย่างโปร่งใส นอกจากนี้บรรณาธิการมีความพร้อมที่จะชี้แจงความเบี่ยงเบนต่างๆ จากกระบวนการตรวจสอบที่ได้ระบุไว้

4.วารสารพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอกมีช่องทางให้ผู้นิพนธ์สามารถอุทธรณ์ได้หากผู้นิพนธ์มีความคิดเห็นแตกต่างจากการตัดสินใจของบรรณาธิการ  โดยสามารถอุทรณ์ได้ที่กองบรรณาธิการวารสาร  สมาคมพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอก

5.บรรณาธิการได้จัดพิมพ์คำแนะนำแก่ผู้นิพนธ์ในทุกประเด็นเกี่ยวกับการตีพิมพ์วารสาร  เช่น มีคำแนะนำในการตีพิมพ์วารสาร  การเขียนเอกสารสารอ้างอิง  และทุกเรื่องที่ผู้นิพนธ์ควรรับทราบ รวมทั้งได้มีการปรับปรุงคำแนะนำให้ทันสมัยอยู่เสมอ โดยมีคำแนะนำในการตีพิมพ์วารสารใน website tci-thaijo และ ในรูปเล่มของวาสารให้ตรงกันทุกประเด็น

6.บรรณาธิการจะไม่เปลี่ยนแปลงการตัดสินใจในการตอบรับบทความที่ถูกปฏิเสธการติพิมพ์ไปแล้ว ยกเว้นมีปัญหาร้ายแรงเกิดขึ้น

7.ในระหว่างการส่งบทความมารับการพิจารณาจากบรรณาธิการใหม่  บรรณาธิการจะไม่กลับคำตัดสินใจมาตีพิมพ์บทความที่บรรณาธิการคนก่อนตอบปฏิเสธไปแล้ว ยกเว้นมีการพิสูจน์ถึงปัญหาร้ายแรงที่เกิดขึ้น

หน้าที่ของบรรณาธิการต่อผู้ประเมินบทความ

1.บรรณาธิการได้จัดพิมพ์คำแนะนำแก่ผู้ประเมินบทความในทุกประเด็นที่บรรณาธิการคาดหวัง และมีการปรับปรุงคำแนะนำให้ทันสมัยอยู่เสมอ พร้อมทั้งควรมีการอ้างอิงหรือการเชื่อมโยงกับระเบียบดังกล่าวนี้ด้วย

2.บรรณาธิการมีระบบที่ปกป้องข้อมูลส่วนตัวของผู้ประเมินบทความ ยกเว้นวารสารนั้นมีการประเมินบทความแบบเปิดที่ได้แจ้งให้ผู้นิพนธ์และผู้ประเมินรับทราบล่วงหน้าแล้ว

กระบวนการพิจารณาประเมินบทความ

 *บรรณาธิการมีระบบที่ทำให้มั่นใจได้ว่าบทความที่ส่งเข้ามายังวารสาร จะได้รับการปกปิดเป็นความลับในระหว่างขั้นตอนการพิจารณาประเมิน

การร้องเรียน

1.บรรณาธิการวารสารพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอกมีการดำเนินการตามขั้นตอนที่ปรากฎในผังการทำงานที่กำหนดโดยคณะกรรมการจริยธรรมการตีพิมพ์

2.บรรณาธิการมีการตอบกลับคำร้องเรียนในทันที และแสดงให้ผู้ร้องเรียนมั่นใจได้ว่าสามารถร้องเรียนได้อีกหากยังไม่พอใจ ซึ่งกลไกดังกล่าวนี้จะปรากฎชัดเจนในวารสาร และมีการรวมข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการส่งเรื่องที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขไปให้คณะกรรมการจริยธรรมการตีพิมพ์

การสนับสนุนการอภิปราย

1.บรรณาธิการสามารถเปิดเผยคำวิจารณ์บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร ยกเว้นบรรณาธิการจะมีเหตุผลอื่นที่ดีเพียงพอในการไม่เปิดเผยคำวิจารณ์นั้น

2.บรรณาธิการจะเปิดโอกาสให้ผู้นิพนธ์บทความที่มีคนอื่นวิจารณ์ให้สามารถชี้แจงตอบกลับได้ นอกจากนี้การศึกษาวิจัยที่มีผลขัดแย้งกับบทความวิจัยที่ลงตีพิมพ์ไปแล้ว  บรรณาธิการได้ให้โอกาสแก่ผู้นิพนธ์เช่นกันและควรมีเหตุผลในการอภิปรายให้ครอบคลุม

3.การศึกษาวิจัยที่มีการรายงานผลการวิจัยในด้านลบ  ผู้นิพนธ์ควรรวมไว้ในบทความด้วย ไม่ควรตัดส่วนนี้ออกไปและควรมีเหตุผลในการอภิปรายให้ครอบคลุม

 

สนับสนุนความถูกต้องทางวิชาการ

1.บรรณาธิการมีมาตรการเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่ารายละเอียดทุกส่วนในบทความวิจัยที่มีการตีพิมพ์ในวารสาร ต้องเป็นไปตามหลักจริยธรรมสากลที่ได้รับการยอมรับ

2.บรรณาธิการจะรวบรวมหาหลักฐานเพื่อให้มั่นใจว่างานวิจัยทุกชิ้นที่จะตีพิมพ์นั้นได้รับการอนุมัติและเห็นชอบโดยคณะบุคคลที่มีอำนาจ (เช่น คณะกรรมการทางจริยธรรมด้านงานวิจัย คณะกรรมการพิจารณาบทความวิจัยของสถาบัน เป็นต้น) อย่างไรก็ตามการพิจารณาอนุมัตินั้นไม่ได้เป็นการรับประกันว่างานวิจัยนั้นถูกต้องตามหลักจริยธรรมเสมอไป

การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

1.บรรณาธิการวารสารพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอกจะปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นความลับ (เช่น ความสัมพันธ์ระหว่างคนไข้และแพทย์ เป็นต้น) ดังนั้นบรรณาธิการจำเป็นต้องมีหนังสือยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากคนไข้ หากชื่อ หรือ รูปของคนไข้ปรากฏในรายงานหรือบทความ

2.บรรณาธิการสามารถตีพิมพ์บทความได้โดยไม่ต้องมีเอกสารยินยอมหากบทความนั้นมีความสำคัญต่อสุขภาพของคนทั่วไป (หรือมีความสำคัญในบางเรื่อง) หรือมีความยากลำบากในการได้มาซึ่งเอกสารยินยอม และบุคคลผู้นั้นไม่คัดค้านต่อการตีพิมพ์เผยแพร่ (จักต้องมีการปฏิบัติตามเงื่อนไขสามประการดังกล่าว)

การติดตามความประพฤติมิชอบ

1.บรรณาธิการวารสารพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอกจะติดตามความประพฤติมิชอบในกรณีเกิดข้อสงสัย ซึ่งรวมถึงบทความวิจัยทั้งได้รับการตีพิมพ์และยังไม่ได้รับการตีพิมพ์

2.บรรณาธิการจะไม่ปฏิเสธบทความวิจัยที่อาจจะมีประเด็นมิชอบในทันทีทันใด ทั้งนี้บรรณาธิการจะติดตามบทความวิจัยที่ถูกกล่าวหาว่าประพฤติมิชอบเพื่อหาข้อเท็จจริงก่อนเพื่อการตัดสินใจ

3.บรรณาธิการจะแสวงหาคำตอบจากบุคคลผู้ถูกกล่าวหาก่อน แต่หากยังไม่พอใจต่อคำตอบที่ได้รับ  บรรณาธิการจะสอบถามหัวหน้าหรือคณะบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จริง

4.บรรณาธิการจะดำเนินการตามที่กำหนดไว้ในผังการทำงานของคณะกรรมการจริยธรรมการตีพิมพ์มีเมื่อความจำเป็นต้องใช้

5.บรรณาธิการจะพยายามทำให้เกิดความมั่นใจว่าได้มีการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างถูกต้องด้วยหลักเหตุและผล แต่หากไม่ได้ดำเนินการดังกล่าว  บรรณาธิการจะพยายามอย่างยิ่งในการหาทางแก้ไขปัญหาซึ่งถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากแต่ก็เป็นภาระหน้าที่ที่สำคัญ

การรับรองความถูกต้องของผลงานทางวิชาการ

1.เมื่อมีการรับรู้ว่ามีความไม่ถูกต้องเกิดขึ้นกับบทความวิชาการที่ตีพิมพ์ไปแล้ว รวมถึงมีประโยคที่นำไปสู่ความเข้าใจผิด หรือเป็นรายงานที่บิดเบือนข้อเท็จจริง บรรณาธิการจะทำการแก้ไขทันทีเพื่อให้เกิดความชัดเจน

2.หากปรากฎการประพฤติทุจริตภายหลังการดำเนินการตรวจสอบแล้ว บรรณาธิการจะดำเนินการเพิกถอนบทความนั้นด้วยโดยการประกาศให้ทุกคนรับทราบทางสื่อสารมวลชน ทั้งนี้การเพิกถอนนี้ต้องให้ผู้อ่านและระบบฐานข้อมูลอื่นๆทราบด้วย

ความสัมพันธ์กับเจ้าของวารสารและสำนักพิมพ์

1.บรรณาธิการวารสารพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอกไม่มีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับสำนักพิมพ์และเจ้าของวารสาร อย่างไรก็ตามการตัดสินใจเกี่ยวกับมาตรฐานและคุณภาพที่อยู่บนฐานของมูล TCI เป็นอิสระของบรรณาธิการและกองบรรณาธิการ

2.แม้ว่าสภาพความเป็นจริงทางเศรษฐกิจและการเมืองของวารสารจะเป็นเช่นไร บรรณาธิการจะพิจารณาตัดสินใจเกี่ยวกับการรับบทความเพื่อตีพิมพ์โดยยึดคุณภาพและความเหมาะสมกับผู้อ่านมากกว่าผลตอบแทนทางการเงินหรือการเมือง

ประเด็นพิจารณาที่เกี่ยวข้องในเชิงพาณิชย์

1.บรรณาธิการจะประกาศนโยบายในด้านการโฆษณาที่เน้นเนื้อหาที่มีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหาสาระของวารสาร และในการตีพิมพ์ส่วนเสริมหรือเพิ่มเติมใดๆ ของวารสาร

2.บรรณาธิการจะไม่ตีพิมพ์การโฆษณาที่อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด และต้องยินดีที่จะตีพิมพ์คำวิจารณ์ต่างๆ ทั้งนี้ให้ยึดถือเกณฑ์เดียวกันกับการพิจารณาส่วนต่างๆ ของวารสาร

3.ในการนำบทความเดิมมาพิมพ์ใหม่นั้น ต้องให้คงลักษณะเดิมทุกประการยกเว้นหากจะมีการเพิ่มเติมส่วนที่แก้ไข

ผลประโยชน์ทับซ้อน

*บรรณาธิการมีระบบในการจัดการผลประโยชน์ทับซ้อนของบรรณาธิการเองรวมทั้งของเจ้าหน้าที่วารสาร ผู้นิพนธ์ ผู้ประเมินบทความ และสมาชิกกองบรรณาธิการ

กระบวนการจัดการกับข้อร้องเรียนที่มีต่อบรรณาธิการที่มีการส่งมาให้คณะกรรมการจริยธรรมการตีพิมพ์

1.ข้อร้องเรียนของผู้นิพนธ์ ผู้อ่าน ผู้ประเมิน บรรณาธิการหรือสำนักพิมพ์วารสารพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอกจะส่งมาให้คณะกรรมการจริยธรรมการตีพิมพ์ พิจารณา ทั้งนี้ข้อร้องเรียนต่างๆจะส่งมาได้ต่อเมื่อบรรณาธิการ/วารสารที่เป็นปัญหาได้เป้นสมาชิกของคณะกรรมการจริยธรรมการตีพิมพ์

2.ในการร้องเรียนบรรณาธิการวารสารนั้น ผู้ร้องเรียนต้องร้องเรียนเป็นลายลักษณ์อักษรไปที่บรรณาธิการโดยตรงก่อนในขั้นตอนแรก   หากข้อร้องเรียนไม่ได้รับการแก้ไขเป็นที่น่าพอใจ  ผู้ร้องเรียนสามารถยื่นข้อร้องเรียนนั้นต่อคณะกรรมการสมาคมพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอกซึ่งเป็นเจ้าของวารสาร

3.ข้อร้องเรียนที่ผ่านขั้นตอนการร้องเรียนต่อวารสารเท่านั้นจึงจะสามารถส่งต่อมาที่คณะกรรมการจริยธรรมการตีพิมพ์ได้ ทั้งนี้ควรแนบเอกสารที่เกี่ยวข้องทุกอย่างมาด้วย

4.คณะกรรมการจริยธรรมการตีพิมพ์จะรับข้อร้องเรียนภายใน 6 เดือนหลังจากวารสารได้พิจารณาข้อร้องเรียนเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้คณะกรรมการจริยธรรมการตีพิมพ์อาจพิจารณานอกระยะเวลาดังกล่าวนี้เป็นกรณีพิเศษได้

5.คณะกรรมการจริยธรรมการตีพิมพ์จะไม่พิจารณาการร้องเรียนเกี่ยวกับเนื้อหาของการตัดสินตีพิมพ์บทความของบรรณาธิการ (แต่จะพิจารณากระบวนการ) หรือข้อวิจารณ์เกี่ยวกับเนื้อหาในบทบรรณาธิการ

6.คณะกรรมการจริยธรรมการตีพิมพ์จะไม่พิจารณาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าการเผยแพร่เอกสารมาตรฐานทางจริยธรรมนี้

เมื่อการร้องเรียนมีการส่งต่อมาที่คณะกรรมการจริยธรรมการตีพิมพ์  มีขั้นตอนดังนี้:

1. ผู้ร้องเรียนยื่นข้อร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการจริยธรรมการตีพิมพ 

2.เจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการจริยธรรมการตีพิมพ์ตรวจสอบเพื่อยืนยันข้อร้องเรียนตามประเด็นต่อไปนี้:

                       1)เป็นข้อร้องเรียนต่อสมาขิกในคณะกรรมการจริยธรรมการตีพิมพ์

                       2)เป็นข้อร้องเรียนที่อยู่ในขอบเขตการทำงานของคณะกรรมการจริยธรรมการตีพิมพ์

                       3)เป็นข้อร้องเรียนที่ไม่ได้รับการแก้ไขภายหลังส่งให้วารสารพิจารณาตามกระบวนการ

                       4)เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลังวันที่ระเบียบนี้มีผลบังคับใช้ (วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2548)

 3.ผู้ร้องเรียนต้องส่งเอกสารหลักฐานทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวกับการร้องเรียนต่อวารสาร ที่วารสารรับทราบข้อร้องเรียนนั้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประธานของคณะกรรมการจริยธรรมการตีพิมพ์

 4.ประธานของคณะกรรมการจริยธรรมการตีพิมพ์ทำการแจ้งให้บรรณาธิการของวารสารทราบถึงข้อร้องเรียนที่ส่งต่อมายังคณะกรรมการจริยธรรมการตีพิมพ์

      *สถานการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น:

  • บรรณาธิการอาจไม่ให้ความร่วมมือ ในกรณีนี้ประธานของคณะกรรมการจริยธรรมการตีพิมพ์จะทำการแจ้งให้ผู้ร้องเรียนและเจ้าของวารสารรับทราบ
  • บรรณาธิการตอบข้อร้องเรียนโดยมีประเด็นดังนี้:

           (1)ประธานของคณะกรรมการจริยธรรมการตีพิมพ์และตัวแทน 1 คน ซึ่งได้รับการเสนอชื่อโดยสมาชิกในสภาคณะกรรมการจริยธรรมการตีพิมพ์ ร่วมกันพิจารณาตัดสินว่าวารสารได้จัดการข้อร้องเรียนจนเป็นที่น่าพอใจแล้ว และได้แจ้งข้อมูลต่อผู้ร้องเรียนและบรรณาธิการ

          (2)ประธานคณะกรรมการจริยธรรมการตีพิมพ์และตัวแทน 1 คน ซึ่งได้รับการเสนอชื่อโดยสมาชิกในสภาคณะกรรมการจริยธรรมการตีพิมพ์ ร่วมกันตัดสินว่ามีความจำเป็นที่ต้องตรวจสอบเพิ่มเติม และได้แจ้งข้อมูลต่อผู้ร้องเรียนและบรรณาธิการวารสาร และทำรายงานการดำเนินการดังกล่าวเสนอไปยังคณะอนุกรรมการที่เกี่ยวข้องของสภาคณะกรรมการจริยธรรมการตีพิมพ์

5.คณะอนุกรรมการที่พิจารณาตัดสินข้อร้องเรียนควรประกอบไปด้วย ประธาน 1 ท่านและสมาชิกของสภาคณะกรรมการจริยธรรมการตีพิมพ์จำนวน 3 ท่านเป็นอย่างน้อย ซึ่งสมาชิกจำนวน 2 ท่านต้องไม่ใช่บรรณาธิการ และไม่มีสมาชิกของคณะอนุกรรมการท่านใดที่เป็นสมาชิกของสำนักพิมพ์ (หรือต้นสังกัด) เดียวกัน กับบรรณาธิการผู้ถูกร้องเรียน

6.หากประธานดำรงตำแหน่งอยู่ในสำนักพิมพ์ (หรือต้นสังกัด) เดียวกันกับบรรณาธิการผู้ถูกร้องเรียน ประธานจะทำการแต่งตั้งรองประธานที่มีคุณสมบัติเหมาะสมมาดูแลเอกสารต่างๆแทน

7.เมื่อข้อร้องเรียนส่งมาถึงคณะอนุกรรมการ คณะอนุกรรมการอาจจะดำเนินการต่อไปนี้

                   (1)เพิกถอนต่อข้อร้องเรียน และแจ้งเหตุผลต่อผู้ร้องเรียนและบรรณาธิการ

                   (2)ลงความเห็นว่าเป็นการฝ่าฝืนระเบียบที่กำหนดเมื่อคณะอนุกรรมการลงความเห็นว่าเป็นการฝ่าฝืน

                          ระเบียบที่กำหนด ให้ทำรายงานเสนอต่อสภาคณะกรรมการจริยธรรมการตีพิมพ์โดยอธิบายถึงลักษณะของ

                          การฝ่าฝืนและให้คำแนะนำว่าจะดำเนินการอย่างไร

                   (3) สภาคณะกรรมการจริยธรรมการตีพิมพ์ทำการพิจารณารายงานดังกล่าว ซึ่งอาจมีการปรับเปลี่ยนข้อแนะนำได้ หลังจากนั้นจะทำการแจ้งให้ผู้ร้องเรียน บรรณาธิการ และเจ้าของสำนักพิมพ์ (วารสาร) รับทราบถึงข้อแนะนำ สุดท้ายซึ่งอาจมีดังนี้:

    • ให้บรรณาธิการทำการขอโทษต่อผู้ร้องเรียนตามข้อร้องเรียนที่ได้รับ
    • ให้บรรณาธิการทำการลงข้อความที่ได้รับจากคณะกรรมการจริยธรรมการตีพิมพ์ในวารสารของตน
    • ให้วารสารทำการปรับปรุงกระบวนการดำเนินการของวารสาร
    • ให้บรรณาธิการลาออกจากสมาชิกภาพของคณะกรรมการจริยธรรม ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง หรือ
    • ให้บรรณาธิการดำเนินการใดๆ ตามที่คณะกรรมการจริยธรรมการตีพิมพ์มีความเห็นว่ามีความเหมาะสมต่อกรณีดังกล่าว

ขั้นตอนการอุทธรณ์

  • ผู้ร้องเรียนสามารถอุทธรณ์ต่อข้อแนะนำของคณะกรรมการจริยธรรมการตีพิมพ์ได้ โดยสามารถร้องขอรายละเอียดของผู้ที่ต้องติดต่อได้ที่คณะกรรมการจริยธรรมการตีพิมพ์