รูปแบบการคัดกรองโรคเรื้อนรายใหม่ในพื้นที่ที่มีข้อบ่งชี้ทางระบาดวิทยาปี 2566 กรณีศึกษาจังหวัดอุบลราชธานี

ผู้แต่ง

  • อมรรัตน์ จงตระการสมบัติ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 10 จังหวัดอุบลราชธานี
  • ชลภัสสรณ์ มืดภา สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 10 จังหวัดอุบลราชธานี
  • ศุภวัจน์ ศรีสูงเนิน สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 10 จังหวัดอุบลราชธานี
  • สุชาดา สายทอง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี

คำสำคัญ:

การคัดกรองโรคเรื้อน, โรคเรื้อน, อาสาสมัครสาธารณสุข, Task Model

บทคัดย่อ

การวิจัยเชิงปฏิบัติการครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการคัดกรองโรคเรื้อนในพื้นที่ที่มีข้อบ่งชี้ทางระบาดวิทยา กลุ่มเป้าหมายที่มีส่วนร่วมในการพัฒนารูปแบบ ได้แก่ เจ้าหน้าที่รับผิดชอบงานโรคเรื้อนทุกระดับ รวมถึงสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด โรงพยาบาลชุมชน สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และอาสาสมัครสาธารณสุข รวมทั้งหมด 20 คน ในพื้นที่อำเภอสำโรง และกลุ่มเป้าหมายที่นำรูปแบบไปใช้ ได้แก่ เจ้าหน้าที่รับผิดชอบโรคเรื้อนของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 3 คน และอาสาสมัครสาธารณสุข 46 คนในพื้นที่ 3 อำเภอของจังหวัดอุบลราชธานี ได้แก่ อำเภอกุดข้าวปุ้น อำเภอโพธิ์ไทร และอำเภอสำโรง กระบวนการพัฒนาใช้แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ กระบวนการกลุ่ม และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณด้วย Pair-T-Test และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา ทำการศึกษาระหว่างเดือนกรกฎาคม 2566 - พฤศจิกายน 2567

ผลการวิจัย พบว่าอาสาสมัครสาธารณสุขเป็นเพศหญิงร้อยละ 80.40 และร้อยละ 52 ทำงานเกี่ยวกับโรคเรื้อนน้อยกว่า 5 ปี ปัญหาที่พบในกระบวนการคัดกรองโรคเรื้อน ประกอบด้วย อาสาสมัครสาธารณสุขขาดความรู้ ทักษะ และไม่มั่นใจในการคัดกรองโรคเรื้อน สื่อการให้ความรู้ในการคัดกรองโรคเรื้อนไม่สะดวกต่อการใช้ ขั้นตอนการคัดกรองที่ไม่ชัดเจน ขาดการติดตามผล และไม่มีการรวบรวมข้อมูลอย่างเป็นระบบ รูปแบบที่ได้คือ Task Model ประกอบด้วย การอบรม (Training) การยอมรับนวัตกรรม (Adopt Innovation) การฝึกทักษะ (Skill)  และการได้รับความรู้ (Knowledge) เป็นกระบวนการคัดกรองโรคเรื้อนด้วยการฝึกอบรม มีการยอมรับการใช้นวัตกรรมคลิปการให้ความรู้โรคเรื้อน เป็นเครื่องมือสำคัญในการให้ความรู้และฝึกทักษะการคัดกรองโรคเรื้อนของอาสาสมัครสาธารณสุข การดำเนินกิจกรรมการคัดกรองโรคเรื้อน ร่วมกับการประเมินผลการดำเนินงานและติดตามกำกับการคัดกรองอย่างต่อเนื่อง ผลจากการนำ Task Model ไปใช้ พบว่าอาสาสมัครสาธารณสุขมีความรู้เกี่ยวกับโรคเรื้อนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P<0.01) โดยค่าเฉลี่ยก่อนการอบรมอยู่ที่ 3.59 (S.D. = 0.77) และหลังการอบรมเพิ่มขึ้นเป็น 4.28 (S.D. = 0.72) นอกจากนี้ อาสาสมัครสามารถคัดกรองประชาชนในชุมชนได้ทั้งหมด 213 ราย พบผู้มีรอยโรคผิวหนัง 7 ราย โดย 3 รายเข้าเกณฑ์สงสัยโรคเรื้อน และได้รับการตรวจเพื่อเฝ้าระวังตามแนวทางของกรมควบคุมโรค อาสาสมัครสาธารณสุขมีความมั่นใจในการคัดกรองเพิ่มขึ้น จะเห็นได้ว่า รูปแบบ Task Model สามารถช่วยปรับปรุงกระบวนการคัดกรองโรคเรื้อนในชุมชนได้อย่างเป็นระบบ โดยช่วยเพิ่มความรู้และทักษะของอาสาสมัครสาธารณสุข รวมถึงเสริมสร้างความมั่นใจในการคัดกรองโรคเรื้อนในพื้นที่ แนวทางนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชุมชนอื่นๆ ที่มีข้อบ่งชี้ทางระบาดวิทยาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการคัดกรองโรคเรื้อนในระดับพื้นที่ได้

เอกสารอ้างอิง

Peter S, Hailu T, Kaba M. Burden of neglected tropical diseases and progress towards their elimination in Ethiopia. Infect Dis Poverty 2017; 6(1):156.

ศิลธรรม เสริมฤทธิรงค์. การดำเนินการเฝ้าระวังโรคเรื้อนในประเทศไทย. วารสารการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก 2561; 14(3):200-10.

World Health Organization. Global leprosy (Hansen disease) update, 2021: moving towards zero leprosy disease complications. Geneva: WHO; 2021.

สถาบันราชประชาสมาสัย. รายงานประจำปีสถานการณ์โรคเรื้อนในประเทศไทย พ.ศ. 2565. กรุงเทพฯ: สถาบันราชประชาสมาสัย; 2566.

สถาบันราชประชาสมาสัย. รายงานผู้ป่วยโรคเรื้อนจำแนกตามที่อยู่ของผู้ป่วย จำแนกรายจังหวัดและอำเภอ ปี พ.ศ. 2566. กรุงเทพฯ: สถาบันราชประชาสมาสัย; 2566.

สถาบันราชประชาสมาสัย. คู่มือการวินิจฉัยและรักษาโรคเรื้อน ปี พ.ศ. 2553. กรุงเทพฯ: สถาบันราชประชาสมาสัย; 2566.

สถาบันราชประชาสมาสัย. แผนยุทธศาสตร์การกำจัดโรคเรื้อนระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566–2570) [อินเตอร์เน็ต]. 2566 [เข้าถึงเมื่อ 24 มี.ค. 2568]. เข้าถึงได้จาก: http://rajpracha.ddc.moph.go.th/site/strategic.html

สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ. กระบวนการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) [อินเตอร์เน็ต]. 2562 [เข้าถึงเมื่อ 24 มี.ค. 2568]. เข้าถึงได้จาก: https://www.nxpo.or.th/th/wp-content/uploads/2019/01/4

สุพัตรา สิมมาทัน, นิชนันท์ โยธา, นิภาพร ฮามพิทักษ์, สมัย ทองพูล, อิทธิเดช ไชยชนะ. รูปแบบการค้นหาผู้ป่วยโรคเรื้อนจากการตรวจผู้สัมผัสโรคร่วมบ้าน ภายใต้สภาวะความชุกต่ำในพื้นที่อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม. วารสารสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 ขอนแก่น 2564; 28(3):55–69.

Jennifer ML, Ravinder K, Arun S. Community-based approaches to detect hidden leprosy cases: experiences from India. Leprosy Rev. 2017; 88(2):218–29.

ธนิษฐา ดิษสุวรรณ, ณิษา ไปรยายุตากุล, ปรียานุช กลิ่นศรีสุข. การศึกษารูปแบบการค้นหาผู้ป่วยโรคเรื้อนรายใหม่ในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง. วารสารวิทยาศาสตร์สุขภาพ 2564; 29(1):45–57.

Stringer ET. Action research. 4th edition. Sage Publications; 2014.

สมชาย พัฒนกุล. การพัฒนาแนวทางการค้นหาผู้ป่วยโรคเรื้อนรายใหม่สำหรับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน: กรณีศึกษาบ้านโสก ตำบลบ้านโสก อำเภอคอนสวรรค์ จังหวัดชัยภูมิ. ชัยภูมิ: มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ; 2565.

ณัฐพงศ์ พัฒนกิจ, ราตรี เอี่ยมประดิษฐ์, กาญจนา ส่งสวัสดิ์, กนกพร ยิ้มนิล. การพัฒนาสื่อโมชันกราฟิกเพื่อป้องกันโรคผิวหนังสำหรับสามเณรในโรงเรียนพระปริยัติธรรม จังหวัดเชียงใหม่. วารสารวิจัยสุขภาพและการพัฒนาชุมชน 2565; 10(2):123-35.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-06-16

รูปแบบการอ้างอิง

1.
จงตระการสมบัติ อ, มืดภา ช, ศรีสูงเนิน ศ, สายทอง ส. รูปแบบการคัดกรองโรคเรื้อนรายใหม่ในพื้นที่ที่มีข้อบ่งชี้ทางระบาดวิทยาปี 2566 กรณีศึกษาจังหวัดอุบลราชธานี. JODPC10 [อินเทอร์เน็ต]. 16 มิถุนายน 2025 [อ้างถึง 10 ธันวาคม 2025];23(1):84-96. available at: https://he02.tci-thaijo.org/index.php/odpc10ubon/article/view/273708

ฉบับ

ประเภทบทความ

นิพนธ์ต้นฉบับ