ประสิทธิผลของโปรแกรมส่งเสริมสมรรถนะในการจัดการตนเองต่อพฤติกรรมการป้องกันความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดของผู้สูงอายุโรคเรื้อรัง ตำบลบางทราย อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี

Main Article Content

วรัญญ์ศิชา ทรัพย์ประเสริฐ
อัญชณา ศรีชาญชัย
อัจฉราวลี วงศ์ระวีกุล
บุศรา สุขสวัสดิ์
ชวลิต กิจพิบูลย์
รัศมี สุขนรินทร์

บทคัดย่อ

ที่มาของปัญหา: โรคหัวใจและหลอดเลือดในผู้สูงอายุ เป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญระดับประเทศ จำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนจะต้องร่วมกันหาแนวทางในการป้องกันความเสี่ยงต่อโรคดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้สูงอายุต่อไป


วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาประสิทธิผลของโปรแกรมส่งเสริมสมรรถนะในการจัดการตนเองต่อพฤติกรรมการป้องกันความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดของผู้สูงอายุโรคเรื้อรัง ตำบลบางทราย อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี


วิธีการศึกษา: การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบกึ่งทดลอง ดำเนินการระหว่างเดือนมิถุนายน ถึงเดือนตุลาคม พ.ศ. 2562 กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้สูงอายุที่ป่วยด้วยโรคเรื้อรังและได้รับการคัดกรองด้วยแบบประเมิน CVD Risk score ว่ามีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดตั้งแต่ระดับปานกลางขึ้นไป จำนวนทั้งสิ้น 70 คน แบ่งเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มเปรียบเทียบ กลุ่มละ 35 คน กลุ่มทดลองจะได้รับกิจกรรมตามโปรแกรมฯ จำนวน 6 ครั้ง เป็นเวลา 6 สัปดาห์ และติดตามการปฏิบัติตน 4 สัปดาห์ ส่วนกลุ่มเปรียบเทียบได้รับการดูแลสุขภาพตามปกติ เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถาม ซึ่งประกอบด้วย ข้อมูลส่วนบุคคล การรับรู้สมรรถนะของตนเองและพฤติกรรมการจัดการตนเอง และใช้แบบบันทึกข้อมูลปริมาณพลังงานที่ได้รับจากการบริโภคอาหารและการใช้พลังงานจากกิจกรรมทางกายเพื่อประเมินการเผาผลาญพลังงาน รวมถึงเก็บข้อมูลผลลัพธ์ทางคลินิกของผู้เข้าร่วมการศึกษาด้วย วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการใช้สถิติเชิงพรรณนา Independent sample t - test และ One way repeated ANOVA


ผลการศึกษา: ผลการวิจัยพบว่า ภายหลังการทดลองและในระยะติดตามผล กลุ่มทดลองมีค่าเฉลี่ยคะแนนการรับรู้สมรรถนะของตนเอง พฤติกรรมการจัดการตนเอง ปริมาณการใช้พลังงาน รอบเอว ดัชนีมวลกาย ค่าความดันโลหิตและค่าน้ำตาลในเลือดดีขึ้นกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 แต่ค่าเฉลี่ยพลังงานที่ได้รับจากการบริโภคอาหารของกลุ่มทดลองดีขึ้นกว่าก่อนการทดลองเฉพาะในระยะติดตามผลเท่านั้น เมื่อเปรียบเทียบระหว่างกลุ่ม พบว่า กลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยดีขึ้นกว่ากลุ่มเปรียบเทียบเกือบทุกด้าน ยกเว้นค่าเฉลี่ยเส้นรอบเอว ดัชนีมวลกาย และค่าน้ำตาลในเลือด (FBS) นอกจากนี้ กลุ่มทดลองสามารถควบคุมระดับความดันโลหิต และระดับไขมัน LDL ให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานได้ดีกว่ากลุ่มเปรียบเทียบเมื่อสิ้นสุดการวิจัย


สรุป: จากผลการศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า โปรแกรมนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาคุณภาพการดูแลผู้สูงอายุที่มีโรคเรื้อรัง เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลตนเอง และลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Article Details

ประเภทบทความ
นิพนธ์ต้นฉบับ

เอกสารอ้างอิง

Ministry of Public Health. 5 Years Strategic National Plan for Prevention and Control of Non-communicable Diseases (2017-2021). Bangkok: Bureau of Non-Communicable Diseases, Department of Disease Control; 2017.

World Health Organization. The Top 10 Causes of Death [internet]. 2019 [cited 2019 Feb 27]. Available from: http://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/the-top-10-causes-of-death

Assantachai P. Health Problem in The Elderly and Guideline for Prevention. 4th ed. Bangkok: Union Creation Co., Ltd.; 2013.

Khonkeaw W. The Health Behavior of Elderly of Klongtumru Sub-district, Mueng District, Chonburi Province. [dissertation]. Chonburi: Burapha University; 2014.

Bang-Sai Sub-district Health Promoting Hospital. Cerebrovascular Risk Surveillance Report. Chonburi: Bang-Sai Sub-district Health Promoting Hospital.; 2019.

Department of Disease Control. CVD Risk Assessment in Diabetic and Hypertension Patients. Bangkok: Bureau of Non-Communicable Disease.; 2017.

Creer TL. Self-management of Chronic Illness. In: Boekaert M, Pintrich P, Zeidner M, editors. Handbook of Self- regulation. San Diego, California: Academic Press; 2000. p. 601-29

Bandura A. Self-efficacy. The Exercise of Control. New York: W. H. Freeman; 1997.

Junchai J, Therawiwat M, Imamee N. Diabetes Education and Self-management Program of Persons with Type 2 Diabetes, Prachuap Khiri Khan Province. The Public Health Journal of Burapha University 2012; 7(2): 69-83.

Vasuthada C, Jaikla N, Prakongsri C, Theamngoen S. The Development of A Self-management Support Model for Non-communicable Disease Prevention among People At Risk of Chronic Illness: Bangkaja, Muang District, Chanthaburi Province. J Prapokklao Hosp Clin Med Educat Center 2019; 36: 142-53

Lemeshow S, Hosmer DW, Klar J, Lwanga SK. Adequacy of Sample Size in Health Studies. New York: John Wiley & Sons; 1990.

Ministry of Public Health. Geriatric Surveillance, and Assessment Manual. 2nd ed. Bangkok: Department of Medical Service.; 2015.

Seesawang J, Thongtaeng P, Yodthong D. Effectiveness of Self-management Supportive Program among Hypertensive Older People. Rama Nurs J 2014; 20: 179-92.

Lee LT, Bowen PG, Mosley MK, Turner CC. Theory of Planned Behavior: Social Support and Diabetes Self-management. J Nurse Pract 2017; 13: 265-70.