เมื่อข้าราชการกระทำผิดอาญา แม้เป็นความประพฤติส่วนตัวนอกเวลาราชการ ย่อมมีผลต่อการถูกดำเนินการทางวินัยและลงโทษ

บทคัดย่อ

          กรณีข้าราชการพลเรือนสามัญ ตกเป็นผู้ต้องหาคดีอาญาจากความประพฤติส่วนตัวนอกเวลาราชการ ในการกักตุนหน้ากากอนามัยและจำหน่ายเกินราคาที่กำหนด โดยคดีนี้ ศาลอุทธรณ์ พิพากษาปรับ 15,000 บาท จำคุก 2 ปี 9 เดือน โทษจำคุกรอลงอาญา 2 ปี คดีถึงที่สุดตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ซึ่งกรณีถูกลงโทษจำคุก แม้ศาลให้รอลงอาญา โดยพิพากษาตัดสินแล้วว่าจำเลยกระทำผิดจริง แต่มีเหตุที่ศาลเห็นว่าการปล่อยตัวจำเลยไปจะเป็นประโยชน์มากกว่าการลงโทษจำคุก ดังนี้ การดำเนินการทางวินัยและการพิจารณาลงโทษทางวินัยข้าราชการพลเรือนสามัญตามกรณีนี้จะลงโทษสถานใดได้บ้าง อันเป็นที่มาของการศึกษาแนวทางคำพิพากษาของศาลปกครองในแง่มุมเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว ตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ที่ อ.628/2558 โดยวินิจฉัยว่าเมื่อศาลมีคำพิพากษาในคดีอาญาให้ลงโทษจำคุก และคดีถึงที่สุดแล้ว ย่อมถือเป็นการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง โดยไม่ต้องพิจารณาว่าได้รับโทษจำคุกจริงหรือไม่