ผลของโปรแกรมบูรณาการความปลอดภัยต่อพฤติกรรมการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชของเกษตรกรปลูกลำไย
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
ที่มาของปัญหา: พฤติกรรมความปลอดภัยการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชเป็นปัจจัยหลักสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเกษตรกรปลูกลำไย
วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมบูรณาการความปลอดภัยต่อพฤติกรรมการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชของเกษตรกรปลูกลำไย
วิธีการศึกษา: การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบกึ่งทดลอง ชนิดมีกลุ่มเปรียบเทียบวัดก่อนและหลังทดลอง โดยคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างเกษตรกรปลูกลำไยจากสองอำเภอของจังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทยแบบเฉพาะเจาะจงตามคุณสมบัติที่กำหนดแล้วนำมาจับคู่ เข้ากลุ่มทดลองและกลุ่มเปรียบเทียบกลุ่มละ 35 คน กลุ่มทดลองได้รับโปรแกรมบูรณาการความปลอดภัย กลุ่มเปรียบเทียบได้รับการดูแลตามปกติจากบุคลากรสุขภาพในชุมชน โปรแกรมบูรณาการความปลอดภัย ประกอบด้วย การสร้างความตระหนัก การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทำงาน และการสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีพฤติกรรมความปลอดภัยในการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช เครื่องมือที่รวบรวมข้อมูล คือ แบบสอบถามพฤติกรรมการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชสำหรับเกษตรกรปลูกลำไย ทดสอบความเชื่อมั่น ได้เท่ากับ 0.84 เก็บรวบรวมข้อมูลก่อนได้รับโปรแกรมบูรณาการความปลอดภัย และติดตามในสัปดาห์ที่ 8 และ 12 วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาและใช้สถิติทดสอบความแปรปรวนวัดซ้ำแบบสองทาง
ผลการศึกษา: พบว่า หลังการทดลองคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการใช้สารเคมีการจัดศัตรูพืช การใช้อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล และการปฏิบัติตามหลักความปลอดภัยในการทำงานในกลุ่มทดลองสูงกว่าก่อนได้รับโปรแกรมในสัปดาห์ที่ 8 และ 12 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.001) นอกจากนี้คะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช การใช้อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล และการปฏิบัติตามหลักความปลอดภัยในการทำงานของกลุ่มทดลองสูงกว่ากลุ่มเปรียบเทียบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.001)
สรุป: ผลการศึกษาครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าโปรแกรมบูรณาการความปลอดภัยที่เน้นการสร้างความตระหนักและสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาพสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชของเกษตรกรปลูกลำไยได้อย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้น บุคลากรสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับงานด้านอาชีวอนามัยสามารถประยุกต์ใช้โปรแกรมดังกล่าวในการส่งเสริมพฤติกรรมความปลอดภัยในการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชให้กับเกษตรกรปลูกลำไย
Thaiclinicaltrials.org number, TCTR20240630002
Article Details
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
Sharma A, Kumar V, Shahzad B, Tanveer M, Sidhu GPS, Handa N, et al. Worldwide pesticide usage and its impacts on ecosystem. SN Applied Sciences [Internet]. 2019 [cited 2023 Jan 18];1:1446. Available from: https://link.springer.com/article/10.1007/s42452-019-1485-1
Ministry of Agriculture and Cooperatives. Agricultural statistics of Thailand 2018. Bangkok: Office of Agricultural Economics; 2019.
The Secretariat of The House of Representatives. Quantity and value of agricultural hazardous substance imports 2008-2018. Bangkok: Bureau of Academic Services; 2019.
World Health Organization. Report 2021-pesticide residues in food-joint FAO/WHO meeting on pesticide residues. Rome: Food and Agriculture Organization of the United Nations; 2022.
Office of Agricultural Economics. Table showing Longan details [Internet]. 2020 [cited 2023 Feb 2]. Available from: https://www.oae.go.th/view/1/ตารางแสดงรายละเอียดลำไย/TH-TH
Khammee M, Tippila J. Safety educations of pesticide use among chillifarmers in Ban Na Yia, Rai Noisubdistrict, Mueangdistrict, Ubon Ratchathani province. Journal of Medicine and Public Health, Ubon Ratchathani University 2020;3:13-24.
Khumkong T, Kerdnoi T. Effectiveness of educational program on safety use of pesticide among farmers in Chiang Dao district, Chiang Mai province. Lanna Public Health Journal 2019;15(2):1-11.
Rogers B. Occupational and environmental health nursing: concepts and practice. 2nd ed. London: Saunders; 2003.
Levy BS, Wegman DH, Baron SL, Sokas RK. Occupational and environmental health: recognizing and preventing disease and injury. 6th ed. Oxford: Oxford University Press; 2011.
Occupational Safety and Health Administration. A guide for protecting workers from woodworking hazards [Internet]. 1999 [cited 2023 Jan 18]. Available from: https://www.osha.gov/sites/default/files/publications/osha3157.pdf
Naumanen P, Liesivuori J. Workplace health promotion activities of Finnish occupational health nurses. Public Health Nurs 2009;26:218-28.
O'Donnell MP. Health promotion in the workplace. 3rd ed. New York: Delmar Cengage Learning; 2002.
Adei D, Kunfaa EY. Occupational health and safety policy in the operations of the wood processing industry in Kumasi, Ghana. Journal of Science and Technology (Ghana) 2007;27:159-69.
Faul F, Erdfelder E, Lang AG, Buchner A. G*Power 3: a flexible statistical power analysis program for the social, behavioral, and biomedical sciences. Behav Res Methods 2007 May;39:175-91.
Wisutthananon A, Chanprasit C, Kaewthummanukul T, Suwannaprapisa T. Effect of integrated safety program on safety behaviors among rice farmers: a Quasi-experimental study. Pacific Rim International Journal of Nursing Research 2019;23:345-56.
