อุบัติการณ์ของการเกิดโรคเบาหวานรายใหม่ภายหลังการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในโรงพยาบาลบางจาก

บทคัดย่อ

ที่มาของปัญหา: จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พบว่ามีผู้ป่วยหลายรายที่เกิดโรคเบาหวานภายหลังการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาอุบัติการณ์ของการเกิดโรคเบาหวานรายใหม่ภายหลังการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในโรงพยาบาลบางจาก

วิธีการศึกษา: การศึกษานี้เป็นการวิจัยโดยการสังเกตเชิงวิเคราะห์แบบย้อนหลัง (retrospective analytic study) จำนวนประชากรที่ใช้ในการวิจัยทั้งหมด 601 ราย ซึ่งเป็นผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ได้พักรักษาในโรงพยาบาลบางจาก ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2564 ถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2565 และไม่เคยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวานมาก่อน โดยจะต้องได้รับการตรวจติดตามระดับน้ำตาลในเลือด Fasting Plasma Glucose หรือ HbA1c ภายในระยะเวลา 3 เดือน หลังจากการติดเชื้อ เพื่อติดตามการเกิดโรคเบาหวาน และวิเคราะห์ปัจจัยที่สัมพันธ์กับการเกิดโรคเบาหวาน

ผลการศึกษา: ผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทั้งหมดจำนวน 601 ราย เป็นเพศหญิงร้อยละ 64.6 มีอายุเฉลี่ย 60.5±18.7 ปี พบอุบัติการณ์ของการเกิดโรคเบาหวานรายใหม่จำนวน 63 ราย (ร้อยละ 10.5) และมีกลุ่มที่ไม่เกิดโรคเบาหวานจำนวน 538 ราย (ร้อยละ 89.5) โดยปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดโรคเบาหวาน ได้แก่ การได้รับยาสเตียรอยด์ (COR=5.08, 95%CI (2.27-11.36), p<0.001) ระยะเวลาที่ได้รับยาสเตียรอยด์มากกว่า 14 วัน (COR=3.46, 95%CI (1.48-8.10), p=0.004) ระยะเวลานอนโรงพยาบาลมากกว่า 14 วัน(COR=2.21, 95%CI 1.21-4.06, p=0.01) ค่าระดับน้ำตาล Random plasma glucose แรกรับที่สูง(COR=1.02, 95%CI 1.01-1.03, p=0.003) และค่า Serum creatinine ที่สูง (COR=1.38, 95%CI 1.00-1.91, p=0.05) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยที่ได้รับยาสเตียรอยด์ (adj OR=4.58, 95%CI 2.02-20.36, p<0.001) พบว่ามีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคเบาหวาน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ

สรุป: ผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ควรได้รับการตรวจติดตามระดับน้ำตาลภายหลังการติดเชื้อ เพื่อเฝ้าระวังการเกิดโรคเบาหวาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน

Thaiclinicaltrials.org number, TCTR20240425002