การพัฒนาแนวปฏิบัติการพยาบาลเพื่อป้องกันท่อช่วยหายใจเลื่อนหลุดในหอผู้ป่วยอายุรกรรม
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
ที่มาของปัญหา: ผู้ป่วยวิกฤตที่มีภาวะการหายใจล้มเหลวที่ใส่ท่อช่วยหายใจ ต้องได้รับการดูแลตามมาตรฐานเพื่อให้ปลอดภัยจากภาวะแทรกซ้อน พบว่าอุบัติการณ์การเกิดท่อช่วยหายใจเลื่อนหลุดในแผนกอายุรกรรม โรงพยาบาลพระปกเกล้า สูงเกินเป้าหมายของโรงพยาบาล (น้อยกว่า 2 ครั้งต่อ 1000 วันคาท่อช่วยหายใจ)
วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาผลของการใช้แนวปฏิบัติการพยาบาลป้องกันท่อช่วยหายใจเลื่อนหลุดต่อความสามารถ/ทักษะและความเป็นไปได้ของพยาบาลในการปฏิบัติตามแนวทางการป้องกันการเลื่อนหลุดของท่อช่วยหายใจสำหรับพยาบาล
วิธีการศึกษา: การวิจัยนี้เป็นวิจัยพัฒนา (Research and Development, R&D) ศึกษาในกลุ่มตัวอย่าง 2 กลุ่ม คือ กลุ่มตัวอย่างพยาบาลวิชาชีพปฏิบัติงานในหอผู้ป่วยกึ่งวิกฤตอายุรกรรม จำนวน 30 ราย และผู้ป่วยที่ใส่ท่อและใช้เครื่องช่วยหายใจรายใหม่ ที่เข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยกึ่งวิกฤตอายุรกรรม ช่วงเวลาที่พยาบาลกลุ่มตัวอย่างขึ้นปฏิบัติงานช่วงพฤษภาคม ถึงสิงหาคม พ.ศ. 2566 แผนกอายุรกรรม โรงพยาบาลพระปกเกล้า ผู้วิจัยพัฒนาแนวปฏิบัติการพยาบาลป้องกันท่อช่วยหายใจเลื่อนหลุด ตามแนวคิดของซูคัพ (Soukup) ประกอบด้วย 3 ขั้นตอน 1) เป็นการพัฒนาแนวปฏิบัติการพยาบาล 2) การนำแนวปฏิบัติการพยาบาลไปใช้กับกลุ่มตัวอย่าง พยาบาลผู้ใช้แนวปฏิบัติ 30 คน และกลุ่มผู้ป่วย 46 ราย เก็บข้อมูลก่อนหลังใช้แนวปฏิบัติโดยใช้แบบสอบถาม ประเมินความสามารถ ทักษะ และความเป็นไปได้ต่อความสามารถการป้องกันท่อช่วยหายใจเลื่อนหลุดและ 3) การประเมินผลการใช้แนวปฏิบัติการพยาบาล ประเมินเชิงกระบวนการและผลลัพธ์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ Paired t-test
ผลการศึกษา: หลังการใช้แนวปฏิบัติการพยาบาลป้องกันท่อช่วยหายใจเลื่อนหลุด กลุ่มตัวอย่างมีค่าเฉลี่ยคะแนนประเมินความสามารถและทักษะการพยาบาลผูกยึดท่อช่วยหายใจเพื่อป้องกันท่อช่วยหายใจเลื่อนหลุดของพยาบาลเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (t=12.88, df=29, p<0.001 และ t=11.34, df=29, p<0.001 ตามลำดับ) และความเป็นไปได้ของการนำแนวปฏิบัติการพยาบาลการผูกยึดท่อช่วยหายใจต่อความสามารถการป้องกันท่อช่วยหายใจเลื่อนหลุด เป็นไปได้ระดับมากที่สุด 4.59 และอุบัติการณ์ท่อช่วยหายใจเลื่อนหลุดลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (t=6.78, p<0.007)
สรุป: หน่วยงานที่ดูแลผู้ป่วยที่ได้รับการใส่ท่อช่วยหายใจสามารถนำแนวปฏิบัติการพยาบาลนี้ไปใช้เพื่อลดอุบัติการณ์ท่อช่วยหายใจเลื่อนหลุดได้
Thaiclinicaltrials.org number, TCTR20240908009
Article Details
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
da Silva PSL, Reis ME, Farah D, Andrade TRM, Fonseca MCM. Care bundles to reduce unplanned extubation in critically ill children: a systematic review, critical appraisal and meta-analysis. Arch Dis Child 2022;107:271-6.
Cosentino C, Fama M, Foà C, Bromuri G, Giannini S, Saraceno M, et al. Unplanned extubations in intensive care unit: evidences for risk factors. a literature review. Acta Biomed 2017;88:55-65.
Soukup SM. The center for advanced nursing practice evidence-based practice model: promoting the scholarship of practice. Nurs Clin North Am 2000;35:301-9.
Kimnarak S, Sukhong R, Pimdee Y, Jaigra S. Effectiveness of implementing clinical nursing practice guideline for preventing unplanned extubation in intensive care unit at nakhonpathom hospital. Regions 4-5 Medical Journal 2019;38:210-25.
Thongjam R. Development of clinical nursing practice guideline for prevention unplanned extubation. Journal of Vongchavalitkul University 2020;33(1):31–9.
Suttason M, Kaewkullay K, Naiyapatana W. Effects of utilizing clinical nursing practice guideline on the incidence of unplanned extubation in critically ill patients. Journal of Nursing and Education 2017;10(2):58-70.
Krasao P. The effect of clinical nursing practice on the prevention of unplanned endotracheal extubation in general medical wards, Phrae hospital. Journal of the Phrae Hospital 2020;28(1):27-41.
Mart MF, Williams Roberson S, Salas B, Pandharipande PP, Ely EW. Prevention and management of delirium in the intensive care unit. Semin Respir Crit Care Med 2021;42:112-26.
Cui N, Zhang Y, Liu Y, Zhou Y, Sun H, Jin J, et al. Protocol for the adaptation of clinical practice guidelines for the management of physical restraints in critically ill patients. Ann Palliat Med 2021;10:4889-96.
Sanitlou N, Sartphet W, Naphaarrak Y. Sample size calculation using g*power program. Journal of Suvarnabhumi Institute of Technology 2019;5(1):496-507.
Melnyk BM, Fineout-Overholt E. Evidence-based practice in nursing & healthcare: a guide to best practice. 5th ed. Philadelphia: Lippincott Williams & Wilkins; 2023.
Chanthateero K, Tanomwat P, Jamsangtong M, Boonmark P. The development of nursing practice guidelines by using evidence-based practice to reduce catheter-associated urinary tract infection in Prapokklao hospital. J Prapokklao Hosp Clin Med Educat Center 2022;39
