ผลของรูปแบบการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพแบบทฤษฎีผสมต่อการรับรู้ความสามารถในจัดการตนเอง และการลดภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังในอาจารย์และเจ้าหน้าที่วิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี

Main Article Content

Pornruedee Nitirat
Pennapa Pisaipan
Darawan Rongmuang
Saowapa Lekwong

บทคัดย่อ

ที่มาของปัญหา: ภาวะน้ำหนักเกินและการอ้วนลงพุงมีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคเรื้อรัง มีการพัฒนาและใช้โปรแกรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อควบคุมน้ำหนัก แต่พบว่าโปรแกรมเหล่านั้นยังไม่ประสบผลสำเร็จมากนัก โดยโปรแกรมส่วนใหญ่เน้นการปรับเปลี่ยนที่ตัวบุคคล ยังไม่ให้ความสำคัญกับการปรับปรุงสิ่งแวดล้อมเพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ


วัตถุประสงค์: เพื่อเปรียบเทียบการรับรู้ความสามารถในการจัดการตนเอง ดัชนีมวลกาย และรอบเอว ของอาจารย์และเจ้าหน้าที่วิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ก่อนและหลังการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพแบบทฤษฎีผสม


วิธีการศึกษา: เป็นการวิจัยกึ่งทดลองแบบกลุ่มเดียววัดก่อนและหลัง ผู้วิจัยพัฒนารูปแบบการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพแบบทฤษฎีผสม ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานทฤษฎีพฤติกรรมสุขภาพ 5 ทฤษฎี เพื่อส่งเสริมพฤติกรรมการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย และสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ แล้วนำไปใช้กับกลุ่มตัวอย่าง คือ อาจารย์และเจ้าหน้าที่ ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรัง จำนวน 37 คน เก็บข้อมูลก่อนและหลังการใช้รูปแบบ โดยใช้แบบสอบสอบถามประเมินการรับรู้สมรรถนะแห่งตนในการจัดการตนเอง เครื่องชั่งน้ำหนัก และสายวัดรอบเอว วิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และ dependent t-test


ผลการศึกษา: พบว่าหลังการใช้รูปแบบการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพแบบทฤษฎีผสม กลุ่มตัวอย่างมีค่าเฉลี่ยดัชนีมวลกายและรอบเอวลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (t=3.468, p=0.001 และ t=6.089, p<0.001 ตามลำดับ) แต่มีระดับการรับรู้สมรรถนะแห่งตนในการจัดการตนเองด้านการรับประทานอาหารและการออกกำลังกายสูงขึ้น อย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ (t=-1.603, p=0.118 และ t=-0.936, p=0.356 ตามลำดับ)


สรุป: รูปแบบการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพแบบทฤษฎีผสมนี้ช่วยลดดัชนีมวลกายและรอบเอวของผู้เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังได้ แต่ไม่มีผลต่อการรับรู้สมรรถนะแห่งตนในการจัดการตนเองด้านการรับประทานอาหารและการออกกำลังกาย

Article Details

ประเภทบทความ
นิพนธ์ต้นฉบับ