ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและปกป้องเซลล์ประสาทของสารสกัดหยาบจากใบกฤษณาในเซลล์ประสาท เพาะเลี้ยง SK-N-SH
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทคัดย่อ
บทนำ กฤษณาใช้ในตำรายาอายุรเวชและเป็นส่วนประกอบของยาแผนไทยมาเป็นเวลานาน ในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ใบกฤษณาในรูปแบบของชาเพื่อบริโภคอย่างแพร่หลาย แม้ว่าจะมีการบริโภคชาใบกฤษณามาเป็นช่วงเวลาหนึ่งแล้ว ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับสารสกัดนี้ยังค่อนข้างมีอยู่อย่างจำกัด วัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาผลการต้านอนุมูลอิสระ และฤทธิ์ปกป้องเซลล์ที่เกิดจากสารอนุมูลอิสระโดยใช้เซลล์ประสาทเพาะลี้ยง (SK-N-SH) รวมถึงผลความเป็นพิษต่อเซลล์เพาะเลี้ยง 3 ชนิด คือ เซลล์ประสาท (SK-N-SH) เซลล์ไต (HEK293) และเซลล์ตับ (HepaRG) วิธีการ สารสกัดใบกฤษณาชั้นน้ำ ได้จากการหมักและการแยกชั้นด้วยอะซีเตทและน้ำ และนำมาใช้กับการทดลองทั้งหมด การศึกษาความเป็นพิษของสารสกัดต่อเซลล์ด้วยวิธี MTT ในเซลล์เพาะเลี้ยง 3 ชนิด ได้แก่ เซลล์ประสาท(SK-N-SH) เซลล์ไต (HEK 293) และเซลล์ตับ (HepaRG) การประเมินฤทธิ์การต้านปฏิกิริยาออกซิเดชั่นโดย การวัดออกซิเดชั่นของกรดไขมันไลโนเลอิก ความสามารถในการกำจัดไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ และการวัดค่า ROS ในเซลล์ประสาทเพาะเลี้ยงที่กระตุ้นด้วยกลูตาเมต และเด็กซาเมทาโซน ผลการศึกษา ความเข้มข้นของสารสกัดใบกฤษณาที่ 0 ถึง 4 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตรมีความปลอดภัยต่อเซลล์เพาะเลี้ยงทั้ง 3 ชนิด ค่าการเกิดอนุมูลอิสระภายในเซลล์ประสาทที่ได้รับสารสกัดใบกฤษณาก่อนกลูตาเมตและเดกซาเมทาโซนนั้นมีค่าต่ำกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับสารสกัดมาก่อน และมีรูปร่างเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยกว่าหลังได้รับเดกซาเมทาโซน นอกจากนี้สารสกัดนี้ยังมีฤทธิ์ต้านการเกิดออกซิเดชั่นของกรดไขมันได้ดีกว่าวิตามินอี สรุป สารสกัดจากใบกฤษณามีฤทธิ์ในการปกป้องเซลล์ และฤทธิ์ต้านปฏิกิริยาออกซิเดชั่นที่ดี รวมถึงมีข้อมูลที่ค่อนข้างปลอดภัย จากผลลัพธ์ที่ได้นี้แสดงให้เห็นว่าสารสกัดใบกฤษณานี้มีศักยภาพในการพัฒนาเป็นยาที่ได้จากสมุนไพรหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารได้ เพื่อใช้ในการรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับการเสื่อมสลายหรือการเกิดออกซิเดชั่นของเซลล์ประสาทได้
Downloads
Article Details
บทความในวารสารนี้อยู่ภายใต้ลิขสิทธิ์ของ กรมแพทย์ทหารบก และเผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาต Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0)
ท่านสามารถอ่านและใช้งานเพื่อวัตถุประสงค์ทางการศึกษา และทางวิชาการ เช่น การสอน การวิจัย หรือการอ้างอิง โดยต้องให้เครดิตอย่างเหมาะสมแก่ผู้เขียนและวารสาร
ห้ามใช้หรือแก้ไขบทความโดยไม่ได้รับอนุญาต
ข้อความที่ปรากฏในบทความเป็นความคิดเห็นของผู้เขียนเท่านั้น
ผู้เขียนเป็นผู้รับผิดชอบต่อเนื้อหาและความถูกต้องของบทความของตนอย่างเต็มที่
การนำบทความไปเผยแพร่ซ้ำในรูปแบบสาธารณะอื่นใด ต้องได้รับอนุญาตจากวารสาร