ความรู้ เจตคติ และการใช้ประโยชน์จากพืชกระท่อมของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย จังหวัดสุราษฎร์ธานี
คำสำคัญ:
พืชกระท่อม, ความรู้, เจตคติ, การใช้ประโยชน์, นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายบทคัดย่อ
การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงสำรวจมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเปรียบเทียบความรู้ เจตคติ และการใช้ประโยชน์จากพืชกระท่อมของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายจำแนกตามเพศ ชั้นปี และศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความรู้ เจตคติและการใช้ประโยชน์จากพืชกระท่อม กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปีการศึกษา 2566 จำนวน 140 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แบบสอบถามข้อมูลทั่วไปและการใช้ประโยชน์จากพืชกระท่อม 2) แบบประเมินเจตคติต่อการใช้พืชกระท่อม และ 3) แบบทดสอบความรู้เกี่ยวกับพืชกระท่อม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติ เชิงพรรณนา ความแปรปรวนทางเดียว และสถิติสหสัมพันธ์ของเพียร์สัน
ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างเป็นเพศชาย 49 คน เพศหญิง 86 คน และเพศทางเลือก 5 คน โดยมีอายุอยู่ระหว่าง 16-18 ปี กลุ่มตัวอย่างมีความรู้ต่อพืชกระท่อม (mean=40.14, SD=13.33) เจตคติต่อพืชกระท่อม (mean=1.57, SD = 0.75) และการใช้ประโยชน์จากพืชกระท่อม (mean=1.15, SD=0.41) ในระดับต่ำ กลุ่มตัวอย่างเคยใช้พืชกระท่อม 23 คน (ร้อยละ 16.43) ทุกคนใช้ไม่เกินเดือนละ 1 ครั้ง เป็นการใช้เพื่อให้มีความคงทนในการทำงานได้นานขึ้น ร้อยละ 11.43 เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ (ลดอาการปวดเมื่อย) ร้อยละ 9.29 และเพื่อสันทนาการ (อารมณ์ดี) ร้อยละ 6.43 โดยเพศชายมีเจตคติต่อการใช้กระท่อมสูงกว่าเพศหญิงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p< 0.01) ส่วนเพศทางเลือกมีเจตคติต่อการใช้พืชกระท่อมไม่แตกต่างกับเพศหญิงและชาย นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีความรู้เกี่ยวกับกระท่อมสูงกว่านักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) ส่วนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีความรู้เกี่ยวกับกระท่อม ไม่แตกต่างกันกับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 และ 6 เจตคติต่อการใช้พืชกระท่อมมีความสัมพันธ์กับการใช้ประโยชน์จากพืชกระท่อมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r= 0.433, p< 0.01) ในขณะที่ความรู้เกี่ยวกับพืชกระท่อมไม่มีความสัมพันธ์กับคะแนนเจตคติและการใช้ประโยชน์จากพืชกระท่อม
ผลการศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าเจตคติต่อการใช้พืชกระท่อมมีความสัมพันธ์กับการใช้ประโยชน์จากพืชกระท่อมในกลุ่มนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย ดังนั้นจึงควรจัดกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างเจตคติต่อการใช้ประโยชน์จากพืชกระท่อม เพื่อให้เกิดการใช้พืชกระท่อมในทางที่เป็นผลดีต่อสุขภาพตนเอง และรณรงค์ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเสพพืชกระท่อมเพื่อสันทนาการเป็นการใช้ประโยชน์จากพืชกระท่อมเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์แทน
References
Saingam D, Singh D, Geater A, Assanangkornchai S, Jitpiboon W, Latkin C. The health impact of long-term Kratom (Mitragyna speciosa) use in southern Thailand. Substance Use & Misuse 2023;58(10):1212–25.
พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7). ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 136 ตอนที่ 19. (19 กุมภาพันธ์ 2562)
สุจิตรา ทองประดิษฐ์โชติ. (2549). ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของ Mitragynine สาระสำคัญในใบกระท่อม. จุลสารข้อมูลสมุนไพร 2006;24(1):6-16.
พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 8). ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 138 ตอนที่ 35. (26 พฤษภาคม 2564)
Chodchoy P. Method validation for the quantification of Mitragynine in blood and urine by using online solid phase extraction liquid chromatography-mass spectrometry. J Appl Res Sci Tech [Internet]. 2021 Oct [cited 2024 Jun 7];20(2):[about 14 p.]. Available from: https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/rmutt-journal/article/view/24164
อังคณา ประวัติวิถีสุข, วิไลพร สุพรรณ, ภัทราภรณ์ สมบุศย์, ขนิษฐา วรสานนท์ และพงศ์ธารา วิจิตเวชไพศาล. กัญชา กระท่อม และฟ้าทะลายโจร เรื่องที่ต้องทำความคุ้นเคยในงานระงับความรู้สึก. เวชบันทึก
ศิริราช 2565;15(4):266-274.
Karunakaran T, Ngew KZ, Zailan AAD, Mian Jong VY, Abu Bakar MH. The chemical and pharmacological properties of Mitragynine and its diastereomers: an insight review. Front Pharmacol. 2022 Feb 24;13:805986. doi: 10.3389/fphar.2022.805986. PMID: 35281925; PMCID: PMC8907881.
ศุภกิตติ์ เลขวิจิตร์, จิตติมา ดำรงวัฒนะ, พงศ์ประสิทธิ์ อ่อนจันทร์ และบุญยิ่ง ประทุม. พฤติกรรมของเยาวชนที่เสพติดน้ำกระท่อม กรณีศึกษา กลุ่มเยาวชนกลุ่มหนึ่งในจังหวัดนครศรีธรรมราช. วารสารสังคมพัฒนศาสตร. 2563;3(1):16-29.
Hassan Z, Muzaimi M, Navaratnam V, Yusoff NH, Suhaimi FW, Vadivelu R, et al. From Kratom to Mitragynine and its derivatives: physiological and behavioural effects related to use, abuse, and addiction. Neurosci Biobehav Rev. 2013 Feb;37(2):138-51. doi: 10.1016/j.neubiorev.2012.
012. Epub 2012 Dec 1. PMID: 23206666.
ปัณณทัต ตันธนปัญญากร, ทัศนพรรณ เวชศาสตร์, นลพรรณ ขันติกุลานนท์, ศศิวิมล จันทร์มาลี และอภิเชษฐ์ จำเนียรสุข. ความชุกและปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการใช้พืชกระท่อม ของประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป ที่อาศัยอยู่ในชุมชนบ้านกระแชง จังหวัดปทุมธานี. วารสารวิจัยและพัฒนา วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ 2566;18(2):45-59.
Charoenratana S, Anukul C, Aramrattana A. Attitudes towards Kratom use, decriminalization and the development of a community-based Kratom control mechanism in Southern Thailand. Int J Drug Policy. 2021 Sep;95 103197. doi:10.1016/j.drugpo.2021.103197. PMID: 33991888.
พระราชบัญญัติพืชกระท่อม พ.ศ. 2565. ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 139 ตอนที่ 52 ก. (26 สิงหาคม 2565).
Bloom, B.S. Taxonomy of Education Objectives, Handbook 1 : Cognitive Domain. New York : David Mekey; (1964).
รดาธร อัญภัทรถาวร และ พิพัฒน์ นนทนาธรณ์. ความรู้ ทัศนคติและการปฏิบัติต่อการใช้กระท่อมของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร. วารสารสมาคมนักวิจัย 2565;27(2):150-165.
พัชราพร หัตถิยา, ธีระวุธ ธรรมกุล และอนัญญา ประดิษฐปรีชา. ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการใช้สมุนไพรในการดูแล
สุขภาพของประชาชนเขตอําเภอเมืองจังหวัดนครศรีธรรมราช
. วารสารกฎหมายและนโยบายสาธารณสุข 2566;9(2):285-296.
Schwartz NE. Nutritional knowledge, attitudes, and practices of high school graduates. J Am Diet Assoc. 1975 Jan;66(1):28-31. PMID: 1110296.
วัลรัตน์ ชยาอนันตพัฒน์. การศึกษาความชุกของ
กลุ่มอาการร่วมทางจิตเวชและปัจจัยที่เกี่ยวข้องของผู้เสพพืชกระท่อมในโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต.วารสารวิชาการแพทย์ เขต 11 2564;35(2):1-16.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
การละเมิดลิขสิทธิ์ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้ส่งบทความโดยตรง
ผลงานที่ได้รับการตีพิมพ์ถือเป็นลิขสิทธิ์ของผู้นิพนธ์ ขอสงวนสิทธิ์มิให้นำเนื้อหา ทัศนะ หรือข้อคิดเห็นใด ๆ ของบทความในวารสารไปเผยแพร่ทางการค้าก่อนได้รับอนุญาตจากกองบรรณาธิการ อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร