ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความต้องการใช้กัญชาทางการแพทย์ของผู้ป่วยโรคมะเร็งประคับประคองที่เข้ารับการบริการในโรงพยาบาลอุดรธานี
คำสำคัญ:
ปัจจัย, กัญชาทางการแพทย์, ความต้องการใช้กัญชา, กัญชากับผู้ป่วยมะเร็งประคับประคองบทคัดย่อ
การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงวิเคราะห์แบบภาคตัดขวาง (cross sectional analytical study) มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความต้องการใช้กัญชาทางการแพทย์ของผู้ป่วยโรคมะเร็งประคับประคองที่เข้ารับบริการในโรงพยาบาลอุดรธานี ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 201 ราย เครื่องมือการวิจัยเป็นแบบสอบถามชนิดตอบเอง ประกอบด้วย 6 ส่วน ได้แก่ ข้อมูลส่วนบุคคล การสนับสนุนทางสังคม ทัศนคติเกี่ยวกับการใช้กัญชาทางการแพทย์ ความรู้เกี่ยวกับการใช้กัญชาทางการแพทย์ ความรอบรู้ด้านการใช้กัญชาทางการแพทย์ และ ความต้องการใช้กัญชาทางการแพทย์ของผู้ป่วยมะเร็งประคับประคอง วิเคราะห์ข้อมูลด้วยความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ด้านปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความต้องการใช้กัญชาทางการแพทย์ของผู้ป่วยมะเร็งประคับประคองที่เข้ารับบริการในโรงพยาบาลอุดรธานีด้วยสถิติ univariate และ multivariate logistic regression analysis กำหนดค่านัยสำคัญที่ 0.05
ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างจำนวน 201 คน เป็นเพศหญิงร้อยละ 54.2 อายุเฉลี่ย 50.5+15.3 ปี ต้องการใช้กัญชาทางการแพทย์ 84 คน(ร้อยละ 41.8) ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความต้องการใช้กัญชาทางการแพทย์ของผู้ป่วยโรคมะเร็งประคับประคองที่เข้ารับบริการในโรงพยาบาลอุดรธานี ได้แก่ 1) ทัศนคติเกี่ยวกับการใช้กัญชาทางการแพทย์ในระดับดี (ORadj=4.3, 95%CI: 1.8–10.5, p= 0.001) 2)ความรอบรู้ด้านการใช้กัญชาทางการแพทย์ในระดับเพียงพอ-ดีเยี่ยม (ORadj=3.8, 95%CI: 1.7–8.4, p= 0.001) และ 3)ผลการรักษาที่ตอบสนองด้วยวิธีการแผนปัจจุบัน (ORadj =2.4, 95%CI: 1.1-5.4, p= 0.004) ตามลำดับ
References
World Health Organization. Global cancer burden growing, amidst mounting need for services. [Internet]. 2024 [cited 2024 Feb 9]. Available from https://www.who.int/news/item/01-02-2024
สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. ทะเบียนมะเร็งระดับโรงพยาบาล[อินเทอร์เน็ต]. 2563 [เข้าถึงเมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 2567]: เข้าถึงได้จาก https://www.nci.go.th/e_book/hosbased_2563/files/main.pdf
กองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัด
กระทรวงสาธารณสุข. สถิติสาธารณสุข [อินเทอร์เน็ต]. 2561 [เข้าถึงเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2567]: เข้าถึงได้จาก https://spd.moph.go.th/wp-content/uploads/2022/11/Hsatistic61
ช่อทิพย์ พรหมมารัตน์.ผลของการพัฒนารูปแบบการดูแลแบบประคับประคองที่บ้านเครือ ข่ายสุขภาพ อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน. วารสารสาธารณสุขล้านนา 2561;13(1): 25-36.
กระทรวงสาธารณสุข. ร้อยละการดูแลผู้ป่วยระยะ
ท้ายแบบประคับประคอง มีกิจกรรม Family Meeting และมีการทำ Advance Care Planning (ACP) ร่วมกับผู้ป่วยและครอบครัว เขตสุขภาพที่ 8 ปีงบประมาณ 2566 [อินเทอร์เน็ต]. 2566 [เข้าถึงเมื่อ 24 ธันวาคม 2567]. เข้าถึงได้จาก https://hdcservice.moph.go.th/hdc/reports/report.php?source=pformated/format1.php&cat_id=b08560518ca0ebcaf2016dab69fb38b5&id=a67ee74a4c0ff3c775b591be4ec80086
เมตตารักษ์, โรงพยาบาลอุดรธานี. รายงานประจำ
ปีผลการดำเนินงานการดูแลผู้ป่วยระยะท้ายแบบประคับประคอง(Palliative care) 2566. อุดรธานี: โรงพยาบาลอุดรธานี; 2566
อนันต์ชัย อัศวเมฆิน. นโยบายสาธารณะในการใช้สารสกัดกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์[อินเทอร์เน็ต]. 2562 [เข้าถึงเมื่อ 8 มกราคม 2567]. เข้าถึงได้จาก https://www.hfocus.org/content/2019/09/17729
กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. คำแนะนำการใช้กัญชาทางการแพทย์ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 5 [อินเทอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมื่อ 4 มกราคม 2567]: เข้าถึงได้จาก https://www.dms.go.th
Montazeri A, Sajadian A, Ebrahimi M, Haghighat S, Harirchi I. Factors predicting the use of complementary and alternative therapies among cancer patients in Iran. Eur J Cancer Care (Engl) 2007; 16(2):144-9
Ibrahim Y, Mustafa O, Tayfur T, Hande T, Fatma S, Melek Y. Patterns of complementary and alternative medicine use among Turkish cancer patients. Journal of Palliative Medicine 2013; 16(4): 383- 390
Yarney J, Donkor A, Opoku SY, Yarney L, Agyeman-Duah I, Abakah AC, Asampong E. Characteristics of users and implications for the use of complementary and alternative medicine in Ghanaian cancer patients undergoing radiotherapy and chemotherapy: a cross- sectional study. BMC Complement Altern Med 2013; 19: 13-16
อลงกรณ์ สุขเรืองกุล, นงค์นุช มีเสถียร, เครือวัลย์ เพ็ชรเสมียน, นงลักษณ์ พูลทอง, เพชรัตน์ ศิริสุวรรณ, ขวัญเรือน แก่นของ. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความต้องการใช้กัญชาทางการแพทย์ของผู้ป่วยโรคมะเร็งที่มารับบริการในหน่วยเคมีบำบัด โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จังหวัดนครสวรรค์. Thai Journal of Health Education 2565; 45:146-161
Rakpanich W, Panomai N, Laohasiriwong W. Determinants of Intention to Use Medical Cannabis among People in the Northeast of Thailand. Indian Journal of Public Health Research & Development 2020; 11(7): 1475-1481
นันท์นิธี แก้วศรี, เชษฐพงศ์ สัจจาผล, พงศ์วิไล วิลัยพงษ์, หทัยทิพย์ ธรรมวิริยะกุล. ปัจจัยที่สัมพันธ์กับการใช้กัญชาของผู้ป่วยมะเร็งที่มารับบริการที่แผนกผู้ป่วยนอกโรงพยาบาลพัทลุง. วารสารบริการปฐมภูมิและเวชศาสตร์ครอบครัว 2564; 43: 92-106
Ngamjarus C, Pattanittum P. n4Studies: application for sample size calculation in health science research. Version 2.3. App store; 2024. 16. ชวัญญา ระบิลทศพร. ผลของการรักษาแพทย์ทางเลือกที่มีต่อการเลื่อนและ/หรือการลดขนาดยาเคมีบำบัดในผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมและมะเร็งปอดและมะเร็งลำไส้ใหญ่ของ รพ.จุฬาลงกรณ์ [วิทยานิพนธ์ปริญญาวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต]. กรุงเทพฯ. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย; 2557
Jones E, Nissen L, McCarthy A, Steadman K, Windsor C. Exploring the Use of Complementary and Alternative Medicine in Cancer Patients. Integrative Cancer Therapies [Internet]. 2019 [cited 2024 Jan 24]: Available from https://doi.org/10.1177/1534735419846986
อภิญญา สินธุสังข์, พิพัฒน์ นนทนาธรณ์. ความรู้ ทัศนคติ และการปฏิบัติต่อการใช้กัญชาของประชากรในเขตภาคเหนือ. วารสารสมาคมนักวิจัย 2564; 26:102-112
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
การละเมิดลิขสิทธิ์ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้ส่งบทความโดยตรง
ผลงานที่ได้รับการตีพิมพ์ถือเป็นลิขสิทธิ์ของผู้นิพนธ์ ขอสงวนสิทธิ์มิให้นำเนื้อหา ทัศนะ หรือข้อคิดเห็นใด ๆ ของบทความในวารสารไปเผยแพร่ทางการค้าก่อนได้รับอนุญาตจากกองบรรณาธิการ อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร