ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อการวินิจฉัยล่าช้ามะเร็งช่องปาก ในโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ ราชวิถี
บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์ : เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อระยะเวลาการวินิจฉัยมะเร็งช่องปาก เนื่องจากผลการรักษามะเร็งช่องปากระยะเริ่มแรกมีอัตราการรอดชีวิตดีกว่ามะเร็งช่องปากระยะลุกลาม การวินิจฉัยล่าช้าเป็นปัจจัยหนึ่งทีมี่ผลต่อการเกิดลุกลามของโรค การศึกษาถึงปัจจัยที่มีผลต่อการวินิจฉัยจะเป็นประโยชน์ในการวางแผนยุทธศาสตร์เพื่อลดความล่าช้าดังกล่าว
วิธีการ : ทำการศึกษาโดยการสัมภาษณ์ผู้ป่วยมะเร็งช่องปากที่เป็นผู้ป่วยใหม่ที่ห้องตรวจหู คอ จมูก ระหว่างเดือนตุลาคม 2560 – เมษายน 2561 จำนวน 136 ราย ผู้ป่วยที่ตอบแบบสัมภาษณ์ไม่สมบูรณ์จะถูกคัดออก โดยแบบสอบถามประกอบด้วย ข้อมูลทั่วไป ได้แก่ เพศ อายุ รายได้ การศึกษา สถานะ อาชีพ ประวัติการสูบบุหรี่ การดื่มสุรา การเคี้ยวหมาก ส่วนของข้อมูลเกี่ยวกับมะเร็งช่องปาก ได้แก่ ระยะเวลาตั้งแต่มีอาการจนมาพบแพทย์ ตำแหน่ง อาการ ระยะโรค การจัดการอาการเบื้องต้น และส่วนของการตรวจรักษาโดย แพทย์เบื้องต้น ได้แก่ วิธีการให้การตรวจรักษาครั้งแรก ปัจจัยต่างๆได้รับการวิเคราะห์ทางสถิติโดยใช้ SPSS ปัจจัยต่างๆ ได้รับการ วิเคราะห์โดย univariate analysis และวิเคราะห์โดย binary logistic regression ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญทาง สถิติ ในการวิจัยนี้ค่าสถิติมีนัยสำคัญที่น้อยกว่า 0.05
ผล : ทำการศึกษาในผู้ป่วย 136 ราย เพศชาย 77 ราย และเพศหญิง 59 ราย อายุเฉลี่ย 60 ปี (ช่วงอายุ 17-86 ปี) ระยะเวลาเฉลี่ยในการวินิจฉัยหลังจากเริ่มมีอาการใช้เวลามากกว่า 5 สัปดาห์ มีผู้ป่วยมะเร็ง ช่องปากร้อยละ 11 ได้รับการวินิจฉัยภายใน 4 สัปดาห์ ปัจจัยที่ทำให้เกิดความล่าช้า ได้แก่ การสังเกตอาการด้วยตัวเองก่อนไปโรง พยาบาล (p<0.05; OR 4.7; 95% CI:1.02-21.9) และผู้ป่วยที่มีอายุมากกว่า 60 ปี (p<0.05; OR3.4; 95% CI:1.02-11.31) นอกจาก นี้ยังมีปัจจัยทางด้านแพทย์คือ การรักษาครั้งแรกด้วยยา (p<0.01;OR7.9;95%CI:2.65-23.88) และการสังเกตอาการ (p<0.01; OR 6.0; 95% CI: 2.03-17.68) และจากการวิเคราะห์พหุตัวแปรพบว่าการสังเกตอาการเบื้องต้นด้วยตัวคนไข้เองเป็นปัจจัยที่ส่ง ผลต่อการวินิจฉัยล่าช้ามากที่สุด (p<0.41; 95% CI:1.07-24.06)
สรุป : ในขณะที่การเข้าถึงข้อมูลโรคมะเร็งสามารถทำได้หลายวิธี ด้วยเทคโนโลยีและสื่อสารมวลชน แต่การวินิจฉัยมะเร็งช่องปากล่าช้ายังคงเป็นปัญหาของผ้ปู ่วยที่ได้รับการส่งต่อมาที่ รพ.ราชวิถี ปัจจัยที่มีผลต่อความล่าช้าได้แก่ การสังเกตอาการของผู้ป่วย อายุ การไม่ได้รับการวินิจฉัยตั้งแต่ระยะเริ่มแรก เพื่อลดความล่าช้า ในการวินิจฉัย จึงต้องมีการให้ความรู้ในเรื่องของอาการเตือนตั้งแต่ระยะเริ่มแรกแก่สาธารณชน โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ การตรวจ ค้นหามะเร็งช่องปากด้วยตนเองเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการสังเกตอาการด้วยตนเอง และแพทย์ผู้ที่มีโอกาสพบผู้ป่วยมะเร็ง ช่องปากตั้งแต่ระยะเริ่มแรกควรมีความรู้และมีการจัดการตั้งแต่ผู้ป่วยมาพบในช่วงต้นได้
เอกสารอ้างอิง
Robb K, Stubbings S, Ramirez A, Macleod U, Austoker J, Waller J, et al. Public awareness of cancer in Britain: a population-based survey of adults. Br J Cancer 2009; 101: 18-23.
Ministry of public health. Cancer in Thailand Vol. 8, 2010-2012.
Kerdpon D, Sriplung H. Factors related to advanced stage oral squamous cell carcinoma in southern Thailand. Oral Oncol 2001; 37: 216-21.
Onizawa K, Nishihara K, Yamagata K, Yusa H, Yanagawa T, Yoshida H. Factors associated with diagnostic delay of oral squamous cell carcinoma. Oral Oncol 2003; 39: 781-8.
Pitiphat W, Diehl SR, Laskaris G, Cartsos V, Douglass CW, Zavras AI. Factors associated with delay in the diagnosis of oral cancer. J Dent Res 2002; 81: 192-7.
Silverman S Jr. Early diagnosis of oral cancer. Cancer 1988; 62: 1796-9.
Guggenheimer J, Verbin RS, Johnson JT, Horkowitz CA, Myers EN. Factors delaying the diagnosis of oral and oropharyngeal carcinomas. Cancer 1989; 64: 932-5.
Scott SE, Grunfeld EA, Main J, McGurk M. Patient delay in oral cancer: a qualitative study of patients’experiences. Psychooncology 2006; 15: 474-85.
Hollowa P, McAndrew PG, Perini MG. Delays in the referral and treatment of oral squamous cell carcinoma. Br Dent J 2000; 188: 262-5.
Ghani WM, Doss JG, Jamaluddin M, Kamaruzaman D, Zain RB. Oral cancer awareness and its determinants among a selected Malasian population. Asian Pac J Cancer Prev 2013; 14: 1957-63.
Brouha XD, Tromp DM, Hordijk GJ, Winnubst JA, de Leeuw JR. Oral and pharyngeal cancer: analysis of patient delay at different tumor stages. Head Neck 2005; 27: 939-45.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
ข้อความและข้อคิดเห็นต่างๆ เป็นของผู้เขียนบทความ ไม่ใช่ความเห็นของกองบรรณาธิการหรือของวารสารกรมการแพทย์