การผ่าตัดอีกครั้งเพื่อหยุดเลือดภายหลังการผ่าตัดหัวใจ : อัตราการตาย ตำแหน่งที่มีเลือดออก ผลลัพธ์การรักษาและผลของความล่าช้า ในการผ่าตัดซ้ำ
คำสำคัญ:
การผ่าตัดซ้า, เลือดออก, ภายหลังผ่าตัดหัวใจบทคัดย่อ
ภูมิหลัง: การผ่าตัดหัวใจเป็นการผ่าตัดที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเลือดออกภายหลังผ่าตัด ซึ่งหากให้การรักษาภาวะเลือดออกภายหลังผ่าตัดอย่างไม่ถูกต้องเหมาะสมและทันท่วงที อาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ สถาบันโรคทรวงอก ยังไม่มีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการมีเลือดออกหลังผ่าตัดหัวใจ เพื่อเป็นแนวทางให้ศัลยแพทย์ทรวงอกผู้ผ่าตัดรักษาพัฒนาการผ่าตัดหัวใจเพื่อลดการเกิดเลือดออกหลังผ่าตัดหัวใจ
วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาอัตราตายหลังผ่าตัดหยุดเลือด ตำแหน่งที่เลือดออก ในการผ่าตัดหัวใจ รวมถึงผลความล่าช้าของการผ่าตัดหยุดเลือดต่อผลลัพธ์การรักษาหลังผ่าตัดหยุดเลือด
วิธีการ: การศึกษานี้เป็นการวิจัยแบบ retrospective observational study โดยวิเคราะห์ข้อมูลจากเวชระเบียนของผู้ป่วยที่ผ่าตัดหยุดเลือดหลังผ่าตัดหัวใจในสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ระหว่างเดือนกันยายน พ.ศ. 2558 ถึง เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2562 ศึกษาในผู้ป่วยที่ผ่าตัดหยุดเลือดจำนวน 178 ราย
ผล: พบว่า มีอุบัติการณ์การผ่าตัดเพื่อหยุดเลือดหลังผ่าตัดหัวใจร้อยละ 5.6 และอัตราตายหลังผ่าตัดหยุดเลือดเท่ากับ ร้อยละ 10.7 ตำแหน่งที่พบเลือดออกบ่อยๆ ภายหลังการผ่าตัดหัวใจ 3 อันดับแรกได้แก่ sternal wire hole พบร้อยละ 19.5 vein graft branch พบร้อย ละ 14.5 และ internal mammary artery branch พบร้อยละ 9.5 ตามลำดับ และการศึกษานี้พบว่าผู้ป่วยกลุ่มเสียชีวิตหลังผ่าตัดหยุดเลือดมีค่า EUROSCORE ก่อนการผ่าตัดหัวใจสูงกว่าค่า EUROSCORE ของกลุ่มรอดชีวิต พบว่ากลุ่มเสียชีวิตเป็นผู้ป่วยที่ต้องผ่าตัดหัวใจแบบเร่งด่วนมากกว่าการผ่าตัดตามตารางนัดหมาย เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มรอดชีวิต และที่สำคัญคือความล่าช้าในการผ่าตัดหยุดเลือดทำให้อัตราการตายเพิ่มสูงขึ้น อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
สรุป: ความล่าช้าในการผ่าตัดหยุดเลือดส่งผลให้อัตราตายเพิ่มสูงขึ้น ปริมาณเลือดที่ออกเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ จากผลการศึกษานี้พบว่าหากทาการผ่าตัดหยุดเลือดได้ทันภายในเวลา 3 ชั่วโมงหลังจากเข้าเกณฑ์ต้องผ่าตัดหยุดเลือดจะสามารถลดอัตราการตายของผู้ป่วยได้
เอกสารอ้างอิง
Gwozdziewicz M, Olsak P, Lonsky V. Re-operation for bleeding in cardiac surgery: treatment strategy. Biomed Pap Med Fac Univ Palacky Olomomouc Czech Repub 2008; 152:159-62.
Unsworth-White MJ, Herriot A, Valencia O, Poloniecki J, Smith EE, Murday AJ, et al. Resternotomy for bleeding after cardiac operation: a marker for increased morbidity and mortality. Ann Thorac Surg 1995; 59:664-7.
Dacey LJ, Munoz JJ, Baribeau YR, Johnson ER, Lahey SJ, Leavitt BJ, et al. Reexploration for hemorrhage following coronary artery bypass grafting: incidence and risk factors. Northern New England Cardiovascular Disease Study Group. Arch Surg 1998; 133:442-7.
Karthik S, Grayson AD, McCarron EE, Pullan DM, Desmond MJ. Reexploration for bleeding after coronary artery bypass surgery: risk factors, outcomes and the effect of time delay. Ann Thorac Surg 2004;78:527-34.
Frojd V, Jeppsson A. Reexploration for bleeding and its association with mortality after cardiac surgery. Ann Thorac Surg 2016; 102:109-17.
Biancari F, Mikkola R, Heikkinen J, Lahtinen J, Kettunen U, Juvonen T, et al. Individual surgeon’s impact on the risk of re-exploration for excessive bleeding after coronary artery bypass surgery. J Cardiothorac Vasc Anesthe 2012; 26:550-6.
Canadyova J, Zmeko D, Mokracek A. Re - exploration for bleeding or tamponade after cardiac operation. Interact Cardiovasc Thorac Surg 2012; 14:704-8.
Komoltri C. Sample size calculation .The Journal of Mental Health of Thailand 2012; 20:192-8.
Hall TS, Brevetti GR, Skoultchi AJ, Sines JC, Gregory P, Spotnitz AJ. Re-exploration for hemorrhage following open heart surgery differentiation on the causes of bleeding and the impact on patient outcomes. Ann Thorac Cardiovasc Surg 2001; 7:352-7.
Vivacqua A, Koch CG, Yousuf AM, Nowicki ER, Houghtaling PL, Blackstone EH, et al. Morbidity of bleeding after cardiac surgery: Is it blood tranfusion, reoperation for bleeding, or both? Ann Thorac Surg 2011; 91:1780-90.
Colson P, Gaudard P, Fellahi JL, Bertet H, FauAmaur J, et al. Active bleeding after cardiac surgery: A prospective observational multicenter study. PLoS one 2016; 11:1-14.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
ข้อความและข้อคิดเห็นต่างๆ เป็นของผู้เขียนบทความ ไม่ใช่ความเห็นของกองบรรณาธิการหรือของวารสารกรมการแพทย์