ผลลัพธ์การบริการการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมในโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี
คำสำคัญ:
การบริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม, ผลลัพธ์ของผู้ป่วยฟอกเลือด, การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมในโรงพยาบาลบทคัดย่อ
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลลัพธ์การบริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมและผลลัพธ์ของผู้ป่วยที่ได้รับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมในโรงพยาบาลในระยะเวลา 5 ปี เป็นการศึกษาเชิงพรรณนาแบบศึกษาย้อนหลัง ข้อมูลการบริการและผลลัพธ์การดูแลผู้ป่วยที่ได้รับการบันทึกข้อมูลผู้ป่วยลงในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ชื่อ Universal Data Characterization and Hierarchical Analytics (UCHA) ระหว่าง มกราคม พ.ศ. 2555 ถึง ธันวาคม พ.ศ. 2559 ข้อมูลดังกล่าว นำเสนอด้วย ความถี่ ร้อยละ และค่าเฉลี่ย (ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) หรือ ค่ามัธยฐาน (ส่วนเบี่ยงเบนควอไทล์) จากการศึกษาพบว่าในจำนวนผู้ป่วยทั้งหมด (1,553 ราย) เป็นผู้ป่วยที่ต้องการฟอกเลือดฉุกเฉิน (ร้อยละ 98.8) และฟอกเลือดเรื้อรัง (ร้อยละ 1.2 ) เพศชายต่อเพศหญิงมีสัดส่วนใกล้เคียงกัน อายุเฉลี่ยประมาณ 62.3±15.0 ปี อัตราการเพิ่มจำนวนการฟอกเลือดฉุกเฉินมากขึ้นในระยะเวลา 5 ปี คือร้อยละ 59.7, 58.7, 63.5, 60.0 และ 65.7 ตามลำดับ การติดเชื้อเป็นสาเหตุส่วนใหญ่ของการเข้ารับรักษาตัวในโรงพยาบาล (ร้อยละ 34.4) ผลลัพธ์ทางคลินิกของผู้ป่วยฟอกเลือดฉุกเฉินที่เป็นผู้ป่วยฟอกเลือดเรื้อรังที่มีภาวะแทรกซ้อนส่วนใหญ่มีอาการทุเลา (ร้อยละ 79.7) ผู้ป่วยไตบาดเจ็บเฉียบพลันส่วนใหญ่เสียชีวิต (ร้อยละ 60.3) สำหรับผลลัพธ์การดูแลผู้ป่วยฟอกเลือดเรื้อรังเป็นไปตามเกณฑ์ตัวชี้วัดของข้อแนะนำที่สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทยกำหนด ขณะที่ปริมาณภาระงานต่อบุคลากรที่ให้บริการยังมีผลิตภาพของงานพยาบาลสูงเกินเกณฑ์มาตรฐานที่สำนักการพยาบาลกำหนด สรุปผู้ป่วยฟอกเลือดมักต้องการการฟอกเลือดฉุกเฉินในโรงพยาบาลเนื่องจากปัญหาที่มาโรงพยาบาลมีหลากหลาย ถึงแม้ส่วนใหญ่มีอาการทุเลา แต่ในกลุ่มไตบาดเจ็บเฉียบพลันมีอัตราตายที่ยังสูงอยู่ การประเมินและเฝ้าระวังปัญหาทางไตแต่เนิ่นๆ และอัตรากำลังที่เหมาะสมจะช่วยให้ผู้ป่วยมีผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ดังนั้นบริการการฟอกเลือดในโรงพยาบาลจึงต้องเตรียมรองรับทั้งบริการฟอกเลือดฉุกเฉินและเรื้อรัง
เอกสารอ้างอิง
Chuasuwan A PK. Thailand Renal Replacment Therapy Registry (TRT); 2014.
Opascharoensuk W. Criteria and guidelines for certification of treatment standards by hemodialysis. Bangkok: Sahamit Printing and Publishing Company Limited; 2014.
Chayakun C. Hemodialysis Clinical Practice Recommendation 2014. Bangkok: Dueantula; 2014.
Conger JD. A controlled evaluation of prophylactic dialysis in post-traumatic acute renal failure. J Trauma. 1975; 15:1056-63.
Himmelfarb J, Ikizler TA. Acute kidney injury: changing lexicography, definitions, and epidemiology. Kidney Int 2007; 71:971-6.
Watcharotone N, Sayumpoorujinant W, Udompon U, Leeaphorn N, Kanjanabuch T. Intermittent peritoneal dialysis in acute kidney injury. J Med Assoc Thai. 2011; 94 (Suppl 4) : S126-30.
Brar H, Olivier J, Lebrun C, Gabbard W, Fulop T, Schmidt D. Predictors of mortality in a cohort of intensive care unit patients with acute renal failure receiving continuous renal replacement therapy. Am J Med Sci. 2008; 335:342-7.
do Nascimento GV, Balbi AL, Ponce D, Abrao JM. Early initiation of dialysis: mortality and renal function recovery in acute kidney injury patients. J Bras Nefrol 2012; 34:337-42.
Hussain S, Piering W, Mohyuddin T, Saleh M, Zhu YR, Hannan M, et al. Outcome among patients with acute renal failure needing continuous renal replacement therapy: A single center study. Hemodial Int 2009; 13:205-14.
Seago JA, Williamson A, Atwood C. Longitudinal analyses of nurse staffing and patient outcomes: more about failure to rescue. J Nurs Adm 2006; 36:13-21.
Krisadavatha D., Guidelines for organizing nursing capacity. Bangkok: Nursing Division, Ministry of Public Health Office; 2002.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
ข้อความและข้อคิดเห็นต่างๆ เป็นของผู้เขียนบทความ ไม่ใช่ความเห็นของกองบรรณาธิการหรือของวารสารกรมการแพทย์