ผลของการผ่าตัดด้วยวิธีของ Kasai ในการรักษาผู้ป่วยทางเดินน้ำดีตันที่โรงพยาบาลตติยภูมิ

ผู้แต่ง

  • เทติยา วิริไฟ พ.บ.
  • สิทธิโชค เลาหะวิลัย พ.บ.

บทคัดย่อ

ภูมิหลัง : โรคท่อน้ำดีตัน เป็นโรคที่ไม่ทราบสาเหตุที่ทำให้เกิดการสลายและเกิดเป็นพังผืดของทางเดินน้ำดีภายนอกตับ ซึ่งเกิด การอุดตันของทางเดินน้ำดีในช่วงวัยทารก การผ่าตัดเพื่อแก้ไขให้มีทางเดินของน้ำดีระบายออกจากตับไปสู่ลำไส้เล็กได้ คือวิธีการผ่าตัด ของ Kasai หรือการใช้ลำไส้เล็กส่วนต้นต่อเข้ากับขั้วตับ

วัตถุประสงค์ : เพื่อวิเคราะห์ผลลัพธ์ทางคลินิกของผู้ป่วยโรคท่อน้ำดีตันภายหลัง ได้รับการผ่าตัดด้วยวิธีของ Kasai ในช่วงเวลา 8 ปี

วิธีการ : เวชระเบียนของผู้ป่วยโรคท่อน้ำดีตันที่ได้รับการผ่าตัดด้วยวิธีของ Kasai ที่ โรงพยาบาลขอนแก่นตั้งแต่เดือนมกราคม 2557 ถึงเดือน ธันวาคม 2561 ถูกนำมาศึกษา ข้อมูลทั่วไป ลักษณะทางคลินิก การตรวจวินิจฉัย โรค การผ่าตัดและผลของการผ่าตัดถูกนำมาวิเคราะห์

ผล : ผู้ป่วย 26 ราย (ชาย 11 ราย หญิง 15 ราย) ที่ป่วยเป็นโรคท่อน้ำดีตัน เข้ามา รักษาในช่วงเวลาที่ทำการศึกษา ผู้ป่วยมีอาการดีซ่านและอุจจาระสีซีด พร้อมกับมีค่ามัธยฐานของค่าบิลลิรูบินรวมอยู่ที่ 9.6 มิลลิกรัม/ เดซิลิตร พบ triangular cord sign จากการตรวจด้วยอัลตราซาวด์ 23 ใน 25 ราย (ร้อยละ 92) ผู้ป่วย 17 รายได้รับการตรวจด้วย DISIDA scan ผลแสดงให้เห็นว่าไม่มีการขับของสารกัมมันตรังสีออกไปในลำไส้เล็กในผู้ป่วยทั้งหมดที่ได้รับการตรวจ (ร้อยละ 100) ผู้ป่วยทั้ง 26 รายได้รับการผ่าตัดด้วยวิธีของ Kasai เมื่อค่ามัธยฐานของอายุผู้ป่วย 90.5 วัน (พิสัย 35-171 วัน) ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญหลังผ่าตัด คือปอดบวมที่รุนแรง และการติดเชื้อในกระแสโลหิต ซึ่งเป็นเหตุให้ผู้ป่วยเสียชีวิต 6 ราย (ร้อยละ 23.1) ค่ามัธยฐานของบิลลิรูบินรวม ลดลงเหลือ 9.6 และ 5.1 มิลลิกรัม/เดซิลิตร เมื่อตรวจติดตามผลหลังผ่าตัด 2 สัปดาห์ และการตรวจติดตามผลครั้งสุดท้ายตามลำดับ ผู้ป่วย 20 รายที่มีชีวิตรอดยังเป็นปกติดี พร้อมกับมีผู้ป่วย 9 ราย (ร้อยละ 45) ที่ภาวะดีซ่านหายไปอย่างสิ้นเชิง

สรุป : การผ่าตัดโดยวิธี ของ Kasai ยังคงเป็นหัตถการสำคัญที่ช่วยสร้างทางเดินน้ำดี เพื่อให้น้ำดีไหลจากตับลงสู่ลำไส้ ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญหลังการผ่าตัดในการ ศึกษาครั้งนี้คือ ปอดบวมที่รุนแรงและการติดเชื้อในกระแสโลหิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งมักจะเกิดกับผู้ป่วยที่ผ่าตัดเมื่ออายุมากกว่า 3 เดือน ขึ้นไป ผู้ป่วยบางรายประสบผลสำเร็จในการระบายน้ำดีลงไปได้ จนกระทั่งภาวะดีซ่านหายไปอย่างสิ้นเชิง

เอกสารอ้างอิง

Matsui A, Ishikawa T. Identification of infants with biliary atresia in Japan. Lancet 1994; 343:925.

McKiernan PJ, Baker AJ, Kelly DA. The frequency and outcome of biliary atresia in the UK and Ireland. Lancet 2000; 355:25-9.

Yoon PW, Bresee JS, Olney RS, James LM, Khoury MJ.Epidemiology of biliary atresia: a population-based study.Pediatrics 1997; 99: 376-82.

Lin YC, Chang MH, Liao SF, Wu JF, Ni YH , Tiao MM, et al.Decreasing rate of biliary atresia in Taiwan: a survey, 2004-2009. Pediatrics 2011; 128:e530-6.

Hopkins PC, Yazigi N, Nylund CM. Incidence of biliary atresia and timing of hepatoportoenterostomy in the United States.J Pediatr 2017; 187: 253-7.

Lupo PJ, Isenburg JL, Salemi JL, Mai CT, Liberman RF, Cranfield MA, et al. Population-based birth defects data in the United States, 2010-2014: a focus on gastrointestinal defects. Birth Defects Res 2017; 109: 1504-14.

Kasai M, Kimura S, Asakura S, Suzuki H, Taira Y, Ohashi E.Surgical treatment of biliary atresia. J Pediatr Surg 1968; 3:665-75.

Davenport M, Ure BM, Petersen C, Kobayashi H. Surgery for biliary atresia-is there a European consensus? Eur J Pediatr Surg 2007; 17: 180-3.

Choi SO, Park WH, Lee HJ, Woo SK. “Triangular cord” a sonographic finding applicable in the diagnosis of biliary atresia. J Pediatr Surg 1996; 31: 363-6.

Minolaki AG, Larcher VF, Mowat AP, Barrett JJ, Portman B,Howard ER. The prelaparotomy diagnosis of extrahepatic biliary atresia. Arch Dis Child 1983; 58: 591-4.

Watanatittan S. Diagnostic problems in infantile cholestatic jaundice. Thai J Surg 1998; 19: 45-50.

Park WH, Choi SO, Lee HJ, Kim SP, Zeon SK, Lee SI. A new diagnostic appoarch to biliary atresia with emphasis on ultrasonographic cord sign: comparison of ultrasonography, hepatobiliary scintigraphy and liver needle biopsy in the evaluation of infantile cholestasis. J Pediatr Surg 1997; 32:1555-9.

Erlichman J, Hohlweg K, Haber BA. Biliary atresia: how medical complications and therapies impact outcome? Exp Rev Gastroenterol Hepatol 2009; 3: 425-34.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

10-03-2021

รูปแบบการอ้างอิง

1.
วิริไฟ เ, เลาหะวิลัย ส. ผลของการผ่าตัดด้วยวิธีของ Kasai ในการรักษาผู้ป่วยทางเดินน้ำดีตันที่โรงพยาบาลตติยภูมิ. J DMS [อินเทอร์เน็ต]. 10 มีนาคม 2021 [อ้างถึง 5 ธันวาคม 2025];45(4):32-6. available at: https://he02.tci-thaijo.org/index.php/JDMS/article/view/249735

ฉบับ

ประเภทบทความ

นิพนธ์ต้นฉบับ