แผนผังความเข้ากันได้ของยาฉีดเมื่อบริหารยาผ่าน y-site สำหรับการดูแลผู้ป่วยเด็กวิกฤต ณ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี: บทฟื้นฟูวิชาการ
คำสำคัญ:
ความเข้ากันได้ของยาฉีด , ข้อต่อพ่วงรูปตัววายบทคัดย่อ
ภูมิหลัง: หลักการบริหารยาทางหลอดเลือดดำหลายชนิดพร้อมกันนั้น ก่อนให้ยาทุกครั้งต้องมีการตรวจสอบความเข้ากันได้ของยาแต่ละตัว พบว่ายาหลายชนิดเมื่อผสมรวมกันใน y-site แม้เพียงระยะเวลาสั้นๆก็อาจเข้ากันไม่ได้และเกิดเป็นตะกอนขึ้น ซึ่งโดยปกติแล้วความเข้ากันได้ทางกายภาพของยา (physical compatibility) และความเข้ากันได้ทางเคมี (chemical compatibility) ขึ้นกับปัจจัยหลายประการ เช่น ชนิดของสารน้ำที่ใช้ในการผสมยา สภาวะกรด-ด่าง (pH) ของยา ความเข้มข้นของยาหลังผสม อุณหภูมิในการเก็บรักษายา ดังนั้นทุกครั้งก่อนให้ยาร่วมกันทาง y-site จำเป็นต้องมีการตรวจสอบข้อมูลความเข้ากันได้ของยา เพื่อป้องกันปัญหาการตะกอนของยาขณะบริหารยาให้แก่ผู้ป่วยซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตวัตถุประสงค์: พัฒนาแผนผังความเข้ากันได้ของยาฉีดเมื่อบริหารยาผ่าน y-site สำหรับการดูแลผู้ป่วยเด็กวิกฤต จุดเด่นคือสามารถตรวจสอบข้อมูลได้ง่าย สะดวกและรวดเร็ว และที่สำคัญคือเป็นรายการยาและความเข้มข้นที่มีใช้อยู่จริง ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับความปลอดภัยสูงสุดเมื่อจำเป็นต้องได้รับยาฉีดร่วมกันผ่าน y-site วิธีการ: ในต่างประเทศมีการรวบรวมข้อมูลความเข้ากันได้ของยาเมื่อให้ผ่าน y-site แต่อย่างไรก็ตามพบว่าข้อมูลเหล่านั้นไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับผู้ป่วยเด็กวิกฤตของประเทศไทยได้อย่างเหมาะสม ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของการรวบรวมรายการยา รูปแบบ ความแรงของผลิตภัณฑ์และความเข้มข้นที่มีใช้จริงในหอผู้ป่วยเด็กวิกฤตของสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (PICU) นำมาดัดแปลงให้อยู่ในรูปแบบบันไดสามเหลี่ยมที่สามารถตรวจสอบข้อมูลได้ง่าย สะดวกรวดเร็วในการสืบค้นข้อมูลและเหมาะสมกับการใช้งานจริงบนหอผู้ป่วย ผล: กลุ่มตัวอย่าง 21 ราย เมื่อใช้แผนผังความเข้ากันได้ของยาฉีดในรูปแบบขั้นบันได (วิธีใหม่) เทียบกับการเปิดหนังสือ (วิธีเดิม) เพื่อหาข้อมูลความเข้ากันได้ของยาฉีดเมื่อบริหารยาผ่าน y-site พบว่าค่าเฉลี่ยของระยะเวลาในการหาข้อมูลด้วยวิธีใหม่ลดลงกว่าวิธีเดิมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p=0.002) สรุป: แผนผังความเข้ากันได้ของยาฉีดเมื่อบริหารยาผ่าน y-site สามารถช่วยตรวจสอบข้อมูลได้ง่าย สะดวกและรวดเร็ว เหมาะสำหรับใช้ในการดูแลผู้ป่วยบนหอผู้ป่วยเด็กวิกฤต
References
Huart ED, Vigneron J, Demoré B. Physical Compatibility of Intravenous Drugs Commonly Used in Intensive Care Units: An Observational Study and Physical Compatibility Laboratory Tests on Anti-Infective Drugs. Pharm Technol Hosp Pharm. 2019; 4(1): 29–40.
Rodríguez SM, Galindo AS, García TM, Llamazares CM, Martínez LE, Herce JL, et al. Development of a compatibility chart for intravenous Y-site drug administration in a pediatric intensive care unit. J Infus Nurs 2012; 35(2):109-14.
ปรีชา มนทกานติกุล. Y-site Administration as a source of incompatibility. ใน: บุษบ า จินดาวิจักษ ณ์, สุวัฒนา จุฬา วัฒนทล, ธนรัตน์ สรวลเสน่ห์, ลักขณา สุวรรณน้อย, บรรณาธิการ. Intravenous Admixture Incompatibility. พิมพ์ครั้งที่ 1 กรุงเทพฯ ; 2554 หน้า 76-79.
Turco SJ. Chapter 42. Intravenous admixtures. In: Troy DB, editor. Remington: the science and practice of pharmacy. 21° ed. Philadelphia: Lippincott Williams&Wilkins; 2006: 837-49.
Lao GC, Reyes MR, Turet JR, Dot MP, Muner DS, Cabezas CL. Compatibility of drugs administered as Y-site infusion in intensive care units: A systematic review. Med Intensiva 2020; 44(2):80-87.
Phelps SJ, Hagemann TM, Lee KR, Thompson AJ. Pediatric Injectable drugs. 10th ed. American Society of Health-System Pharmacists 2013.
Taketomo CK, Hodding JH, Kraus DM. Pediatric & Neonatal dosage handbook with International Trade Names Index. 24th ed. 2017-2018.
Trissel LA. Handbook of Injectable drugs. 16th ed. American Society of Health-System Pharmacists 2011.
IBM Micromedex IV compatibility®. Thomson Health Care series. Available from: http://www.micromedexsolutions.com
Hanifah S, Ball P, Kennedy R. Medication incompatibility in intravenous lines in a Paediatric Inten-sive Care Unit (PICU) of Indonesian hospital. Critical Care and Shock 2018; 21(3):114-123.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2022 กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
ข้อความและข้อคิดเห็นต่างๆ เป็นของผู้เขียนบทความ ไม่ใช่ความเห็นของกองบรรณาธิการหรือของวารสารกรมการแพทย์