การสำรวจความรู้เกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงและอาการเริ่มแรกของโรคมะเร็งช่องปากในประชากรไทย
คำสำคัญ:
มะเร็งช่องปาก, ปัจจัยเสี่ยง, อาการมะเร็งช่องปากระยะเริ่มแรก, ความรู้ของประชาชนบทคัดย่อ
ภูมิหลัง: มะเร็งช่องปากเป็นมะเร็งที่เกิดขึ้นบริเวณศีรษะและลำคอ มะเร็งช่องปากส่วนใหญ่เกิดในคนที่อายุมากกว่า 55 ปีขึ้นไป และพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดโรค ความรู้เกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงและอาการเริ่มแรกในโรคมะเร็งช่องปากมีส่วนสำคัญในการเพิ่มความตระหนักของการป้องกันการเกิดโรคได้ วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาความรู้เรื่องปัจจัยเสี่ยง และอาการระยะเริ่มแรก ในโรคมะเร็งช่องปากของประชากรไทย วิธีการ: การศึกษาเชิงพรรณนาภาคตัดขวางในประชากรไทยที่อายุมากกว่า 18 ปี ในช่วงระหว่างเดือนกันยายน 2564 ถึง เดือนกรกฎาคม 2565 เก็บรวบรวมข้อมูลโดยแบบสอบถามทาง Google form ประกอบด้วยข้อมูลส่วนบุคคล ความรู้เกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยง และอาการระยะเริ่มแรกในโรคมะเร็งช่องปาก รายงานข้อมูลด้วยจำนวนและร้อยละ ในข้อมูลเชิงคุณภาพ และในข้อมูลเชิงปริมาณรายงาน ด้วยค่าเฉลี่ย (ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) ผล: ผู้เข้าร่วมวิจัยที่ตอบแบบสอบถามจำนวน 1,536 คน เป็นเพศหญิง ร้อยละ 74.2 และเพศชายร้อยละ 25.8 อายุเฉลี่ย 40.20±1.47 ปี ระดับการศึกษาส่วนใหญ่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือสูงกว่าร้อยละ 78.9 ผู้เข้าร่วมวิจัยส่วนใหญ่ประกอบอาชีพข้าราชการหรือรัฐวิสาหกิจร้อยละ 32.7 รองลงมาพนักงานบริษัทหรือลูกจ้างร้อยละ 31.5 และไม่ได้ประกอบอาชีพร้อยละ 14.5 ตามลำดับ ผู้เข้าร่วมวิจัยร้อยละ 4.3 เคยมีประวัติการตรวจคัดกรองมะเร็งช่องปาก ในขณะที่มากกว่าร้อยละ 59.9 ผู้เข้าร่วมวิจัยไม่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับโรคมะเร็งช่องปาก ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งช่องปาก 3 อันดับที่ผู้เข้าร่วม วิจัยตอบถูก คือ สูบบุหรี่ร้อยละ 83.7 รองลงมาการดื่มแอลกอฮอล์ร้อยละ 69.9 และการเคี้ยวหมาก/ยาเส้น ร้อยละ 56.2 ตามลำดับ และผู้เข้าร่วมวิจัยทราบว่าหากมีตุ่มก้อนในปากที่โตขึ้น เป็นอาการเริ่มแรกของการเกิดโรคมะเร็งช่องปากร้อยละ 78.1 สรุป: การได้รับข้อมูลความรู้เกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยง และอาการระยะเริ่มแรกในโรคมะเร็งช่องปากของประชากรไทยอยู่ในระดับปานกลาง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีการสื่อสารถึงความรู้ของโรคแก่ประชาชน เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดความรุนแรงของโรคในเบื้องต้นและลดอัตราการตายของโรคได้
เอกสารอ้างอิง
Imsamran W, Chaiwerawattana A, Wiangnon S, Pongnikorn D, Suwansungrung K, Sangrajrang S, et al. Cancer in Thailand 2010-2012. Bangkok: Cancer Registry Unit, National Cancer Institute Thailand; 2015.
Sungwalee W, Vatanasapt P, Suwanrungruang K, Promthe S. Comparing survival of oral cancer patients before and after launching of the Universal Coverage Scheme in Thailand. Asian Pac J Cancer Prev 2016;17(7):3541-4.
Likkasitipun T, Chindavijak S. Factors of delayed diagnosis of oral cancerin Rajavithi Supertertiary Care Hospital. j dept med ser 2020;45(1):104-10.
West R, Alkhatib MN, McNeill A, Bedi R. Awareness of mouth cancer in Great Britain. Br Dent J 2006; 200(3):167-9.
Zhou XH, Huang Y, Yuan C, Zheng SG, Zhang JG, Lv XM, et al. A survey of the awareness and knowledge of oral cancer among residents in Beijing. BMC Oral Health 2022;22(1):367.
Agrawal M, Pandey S, Jain S, Maitin S. Oral cancer awareness of the general public in Gorakhpur city, India. Asian Pac J Cancer Prev 2012;13(10):5195-9.
Ghani WMN, Doss JG, Jamaluddin M, Kamaruzamen D, Zain RB. Oral cancer awareness and its determinants among a selected Malaysian population. Asian Pac J Cancer Prev 2013;14(3):1957-63.
Monteiro LS, Salazar F, Pacheco J, Warnakulasuriya S. Oral cancer awareness and knowledge in the city of valongo, portugal. Int J Dent 2012;2012:376838.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2024 กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
ข้อความและข้อคิดเห็นต่างๆ เป็นของผู้เขียนบทความ ไม่ใช่ความเห็นของกองบรรณาธิการหรือของวารสารกรมการแพทย์