Factors Associated with Behaviors for Prevention of Osteoarthritis Among Elderly in Ban Tha Bo Chaerama Subdistrict Mueang District Ubon Ratchathani Province

Main Article Content

ชลธิชา อรุณพงษ์

บทคัดย่อ

          การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาพฤติกรรมการป้องกันโรคข้อเข่าเสื่อมของผู้สูงอายุในชุมชนบ้านท่าบ่อ ตำบลแจระแม อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี 2) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยชีวสังคม ความรู้เกี่ยวกับโรคข้อเข่าเสื่อม การรับรู้ความรุนแรงของโรคข้อเข่าเสื่อม และแรงสนับสนุนทางสังคมกับพฤติกรรมการป้องกันโรคข้อเข่าเสื่อมของผู้สูงอายุในชุมชนบ้านท่าบ่อ ตำบล  แจระแม อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ได้แก่ ผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ที่อาศัยอยู่ในชุมชนบ้านท่าบ่อ ตำบลแจระแม อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี จำนวน 243 คน สุ่มตัวอย่างโดยวิธีการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling)เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบทดสอบ และแบบสอบถาม ผลการวิจัยพบว่า พฤติกรรมการป้องกันโรคข้อเข่าเสื่อมของผู้สูงอายุในชุมชนบ้านท่าบ่อ  ตำบลแจระแม  อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี อยู่ในระดับปฏิบัติบ่อยครั้ง (gif.latex?\widehat{X}= 2.89, SD=0.26) ความสัมพันธ์ของตัวแปรอิสระ 9 ตัวแปร กับพฤติกรรมการป้องกันโรคข้อเข่าเสื่อมของผู้สูงอายุในบ้านท่าบ่อ ตำบลแจระแม อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี มีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ ตั้งแต่ -.047 ถึง .264 ตัวแปรอิสระที่มีความสัมพันธ์ทางบวกกับตัวแปรตามอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 มี 3 ตัวแปร คือ ความรู้เกี่ยวกับโรคข้อเข่าเสื่อม (r = .237) แรงสนับสนุนจากเพื่อน (r = .165) และแรงสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุข (r = .264) และมีตัวแปรอิสระที่มีความสัมพันธ์ทางบวกกับตัวแปรตามอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 มี 1 ตัวแปรคือ แรงสนับสนุนจากครอบครัว (r = .145)

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
อรุณพงษ์ ช. (2019). Factors Associated with Behaviors for Prevention of Osteoarthritis Among Elderly in Ban Tha Bo Chaerama Subdistrict Mueang District Ubon Ratchathani Province. ราชธานีนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์สุขภาพ, 2(3), 44–60. สืบค้น จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/JRIHS/article/view/213218
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

นงพิมล นิมิตอานันท์. (2557). สถานการณ์ทางระบาดวิทยาและการประเมินความเสี่ยงโรคข้อเข่าเสื่อมในคนไทย. พยาบาลทหารบก, 15(3), 185-194. สืบค้นจาก
file:///C:/Users/ASUS/Downloads/30482-Article%20Text-67305-1-10-20150209%20(1).pdf

บุญเรียง พิสมัย และคณะ. (2555). ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการจัดการตนเองของผู้ที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม. สาธารณสุขศาสตร์, 42(2), 54-67. สืบค้นจาก https://www.tci-thaijo.org

บุษพร วิรุณพันธุ์. (2561). ผลของโปรแกรมการสนับสนุนการจัดการตนเองต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคข้อเข่าเสื่อม และคุณภาพชีวิตของผู้หญิงวัยกลางคนจังหวัดอุบลราชธานี. สืบค้นจาก https://tci-thaijo.org

ยุวดี สารบูรณ์ และคณะ. (2557). อาการ ความรู้ และการรับรู้ความเจ็บป่วยด้วยโรคข้อเข่าเสื่อมของผู้สูงอายุในชุมชน: การศึกษานำร่อง. วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี กรุงเทพ, 30(2). สืบค้นจาก https://www.tci-thaijo.org

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี. (2559). ประชากรผู้สูงอายุในตำบลแจระแม อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี. สืบค้นจาก
http://www.phoubon.in.th/html/data.html

สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ. (2560). บทความวิชาการ การพยาบาลผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมที่ได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า. สืบค้นจาก https://digitaljournals.moph.go.th

สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข. (2558). ยุทธศาสตร์ ตัวชี้วัด และแนวทาง การจัดเก็บข้อมูลกระทรวงสาธารณสุข ปีงบประมาณ พ.ศ.2558. สืบค้นจาก http://kpo.moph.go.th

เสาวนีย์ สิงหา และคณะ. (2558). ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของตนเองของผู้สูงอายุที่มีภาวะข้อเข่าเสื่อมในเขตเทศบาลตำบลแพรกษา อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ. มฉก.วิชาการ, 18(36), 116-129. สืบค้นจาก file:///C:/Users/ASUS/Downloads

Cronbach, L.J. (1990). Essentials of Psychology Testing (5th ed). New York: Harper Collins Publishers Inc.

Krejcie, R.V. & Morgan, D.W. (1970). DeterminingSample Size for Research Activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), 607-610.