การประเมินผลโครงการบำบัดรักษาผู้เสพยาสูบด้วยยา Varenicline โรงพยาบาลปักธงชัย
คำสำคัญ:
การประเมินผลโครงการ, การเลิกบุหรี่, การรักษา, ยา Vareniclineบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินผลโครงการบำบัดรักษาผู้เสพยาสูบด้วยยา Varenicline โรงพยาบาลปักธงชัยใช้แนวคิดแบบจำลองการประเมินโครงการ CIPP ของ Stufflebeam ในด้านบริบท ด้านปัจจัยนำเข้า ด้านกระบวนการ และด้านผลผลิต เก็บรวบรวมข้อมูลกลุ่มเป้าหมาย คือ บุคลากรทีมบำบัด 8 คน ผู้เสพยาสูบบำบัดด้วยยา 22 คนและญาติ 3 คน ทบทวนเอกสารและแฟ้มเวชระเบียน 204 ราย การสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth interview) สนทนากลุ่ม (Focus group discussion) การสังเกต (Observation) วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเนื้อหา (Content analysis) ตรวจสอบข้อมูลแบบสามเส้า (Triangulation) ผลการศึกษาพบว่า สถานบริการมีการจัดบริการช่วยเลิกเสพยาสูบอยู่แล้วใน “คลินิกปอดไร้ควัน” จึงเป็นการเพิ่มทางเลือกและโอกาสการเข้าถึงบริการของผู้ป่วย ก่อนการดำเนินโครงการมีการประชุมชี้แจงโครงการให้ผู้เกี่ยวข้องทุกระดับและบทบาทหน้าที่ของแต่ละวิชาชีพในการดำเนินงาน การจัดระบบบริการตามขั้นตอนที่กำหนดมีหลายขั้นตอนทำให้ยุ่งยากไม่สะดวกกับผู้รับบริการ จึงปรับเป็นบริการแบบเบ็ดเสร็จจุดเดียว โดยเน้นที่คลินิกผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงซึ่งมีการคัดกรองการเสพยาสูบทุกรายทำให้ส่งเข้ารับการบำบัดเพิ่มขึ้น ส่วนการติดตามไม่มีแนวทางชัดเจน หลังรับประทานยาผู้รับการบำบัดบางส่วนเกิดอาการข้างเคียงของยากระทั่งรบกวนการดำเนินชีวิตประจำวันจึงหยุดยาเองแต่มีบางรายสามารถหยุดเสพต่อเนื่องได้จากความตั้งใจมั่นคง ส่วนบางรายจึงกลับไปเสพซ้ำ จำนวนผู้เข้ารับการบำบัดเพศชาย ร้อยละ 96.57 อายุ 61 ปีขึ้นไป ร้อยละ 27.94 สถานภาพสมรส คู่ ร้อยละ 58.38 จบการศึกษาระดับประถมศึกษา ร้อยละ 48.04 อาชีพรับจ้าง ร้อยละ 57.35 ช่วงอายุ 11 – 20 ปี เริ่มเสพมากที่สุด ร้อยละ 91.18 สาเหตุที่เสพมากที่สุดเนื่องจากอยากลอง / อยากสูบ ร้อยละ 41.18 ระยะเวลาที่ใช้ตั้งแต่ 31 ปีขึ้นไปมากที่สุด ร้อยละ 61.77 มีโรคประจำตัว ร้อยละ 67.65 โดยเฉพาะโรคความดันโลหิตสูงพบร้อยละ 29.71 สาเหตุที่ต้องการเลิกมากที่สุดเนื่องจากเจ็บป่วย / ด้านสุขภาพ ร้อยละ 76.96 ผู้เข้ารับการบำบัดประเมินภาวะนิโคตินอยู่ระดับการติดนิโคตินปานกลาง ร้อยละ 55.88 สามารถหยุดเสพได้นาน 3 เดือน ร้อยละ 10.30 (21 คน), นาน 6 เดือน ร้อยละ 33.33 (68 คน), นาน 12 เดือน ร้อยละ 20.58 (42 คน) ลดปริมาณการเสพลง ร้อยละ 28.92 (59 คน) ไม่สามารถหยุดเสพได้ ร้อยละ 6.86 (14 คน) ข้อเสนอแนะ ควรคัดกรองผู้เสพยาสูบในคลินิกโรคเรื้อรังอื่นๆทุกราย การให้คำแนะนำแบบสร้างแรงจูงใจในการเลิกยาสูบ จัดบริการแบบเบ็ดเสร็จจุดเดียว และการติดตามหลังการบำบัดโดยเครือข่ายในพื้นที่ และเสริมทักษะการเสริมแรงจูงใจให้กับทีมติดตาม
References
2. วิชัย เอกพลากร. รายงานการสำรวจการบริโภคอาหารของประชาชนไทย การสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 4 พ.ศ. 2551-2552. นนทบุรี: สำนักงานสำรวจสุขภาพประชาชนไทย; 2554.
3. สำนักควบคุมการบริโภคยาสูบ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. แผนยุทธศาสตร์การควบคุมยาสูบแห่งชาติ พ.ศ. 2559 – 2562. กรุงเทพฯ: บริษัทไนซ์เอิร์ธ ดีไซน์ จำกัด; 2559.
4. สุทัศน์ รุ่งเรืองหิรัญญา, สุรจิต สุนทรธรรม. แนวทางเวชปฏิบัติสำหรับการบำบัดโรคเสพยาสูบในประเทศไทย ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2555 สำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข. กรุงเทพฯ: เครือข่ายวิชาชีพสุขภาพเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่; 2556.
5. สำนักงานสถิติแห่งชาติ. การสำรวจพฤติกรรมการสูบบุหรี่และการดื่มสุราของประชากร พ.ศ. 2560. [อินเตอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมื่อ 1 พฤษภาคม 2562]. เข้าถึงได้จาก: http://www.nso.go.th/sites/2014/Pages/News/2561/N30-08-61-2.aspx
6. Stufflebeam DL, Shinkfield AJ. Evaluation Theory: Models and Applications. [Internet]. San Francisco: Jossey Bass; 2007 [cited 2019 May 1]. Available from: https:// www.amazon.com/Evaluation-Theory-Models-Applications-Stufflebeam/dp/111806318X
7. ธีระพงษ์ ศรีศิลป์. ประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยาบาบัดโรคเสพยาสูบ. วารสารเภสัชศาสตร์อีสาน 2557;10(3):256-268.
8. พรพิมล สระทองปัง, นันทนา เลิศประสบสุข. การนำนโยบายมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล (ตำบลละ 5 ล้านบาท) ไปปฏิบัติในเขตตำบลห้วยม่วง อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม. วารสารศิลปากรศึกษาศาสตร์วิจัย 2561;10(1):354-366.
9. บุษริน เพ็งบุญ. การช่วยเลิกบุหรี่แบบการให้บริการจุดเดียวเบ็ดเสร็จในคลินิกโรคเรื้อรัง. วารสารพยาบาล 2557;63(1):43-47.
10. ณันฑิยา คารมย์, สุนิดา ปรีชาวงษ์. ปัจจัยทำนายการเลิกสูบบุหรี่ในระยะสั้นในผู้ป่วยโรคเรื้อรัง. พยาบาลสาร 2558;42(1):1-11.
11. ศิริวรรรณ พิทยรังสฤษฏ์, ปวีณา ปั้นกระจ่าง. รายงานสถิติการบริโภคยาสูบของประเทศไทย พ.ศ. 2561. ศูนย์วิจัยและการจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ. นครปฐม: มหาวิทยาลัยมหิดล; 2560.
12. คทา บัณฑิตานุกูล, วิไล บัณฑิตานุกูล, ระพีพรรณ ฉลองสุข. ผลการให้บริการเลิกบุหรี่โดยเภสัชกรชุมชน ในเขตกรุงเทพมหานคร. ไทยไภษัชยนิพนธ์ 2557;9(2):1-7.
13. สุนิดา ปรีชาวงษ์, ฟอระดี นุชส่งสิน, ศิริวรรรณ พิทยรังสฤษฏ์. การทบทวนวรรณกรรมเรื่องประสิทธิผลของการให้บริการช่วยเลิกบุหรี่ในผู้ป่วยโรคเรื้อรัง. วารสารสาธารณสุขศาสตร์ 2558;45(3):324-33.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
บทความหรือข้อคิดเห็นใด ๆ ที่ประกฎในวารสารศูนย์อนามัยที่ 9 เป็นความคิดเห็นของผู้เขียน บรรณาธิการ คณะผู้จัดทำ และศูนย์อนามัยที่ 9 นครราชสีมา (เจ้าของ) ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย ผู้เขียนต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง
ผลการพิจารณาของกองบรรณาธิการและผู้ทรงคุณวุฒิถือเป็นที่สิ้นสุด คณะบรรณาธิการวารสารฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการตรวจแก้ไขข้อความให้ถูกต้องตามหลักภาษาและมีความเหมาะสม
กองบรรณาธิการวารสารฯ ขอสงวนสิทธิ์มิให้นำเนื้อหาใด ๆ ของบทความ หรือข้อคิดเห็นใด ๆ ของผลการประเมินบทความในวารสารฯ ไปเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตจากกองบรรณาธิการ อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร และผลงานที่ได้รับการตีพิมพ์ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารศูนย์อนามัยที่ 9