Illness Experiences of School-age Thalassemia Patients In Chaiyaphum Province
Keywords:
Illness Experiences, school-age Patients, ThalassemiaAbstract
The purposes of this mixed-method research were to study illness experiences and to examine factors associated with illness experiences of school-age Thalassemia patients in Chaiyaphum province. The study was conducted in 2 phases. In phase 1, school-age Thalassemia patients’ illness experiences were examined using qualitative research method based on knowledge from literature reviews, focus group and semi-structured in-depth interviews with the total of 24 Informants including parents and stakeholders. The data were analyzed using content analysis. In phage 2, the associations between selected factors and illness experiences of school-age Thalassemia patients were analyzed using quantitative research method. The samples were consisted of 150 school-age Thalassemia patients. Questionnaire used in this phase was comprised of 2 sections: 1) health perceptions and 2) illness experiences of school-age Thalassemia patients. Reliability of the questionnaire was tested yielding the Cronbach’s alpha coefficient of 0.91 and 0.94 respectively. The quantitative research data were analyzed using descriptive statistics and Pearson’s correlation coefficients. The results from phase 1 showed that situations that contributed to Illness experiences can be categorized into three self-care behaviors: 1) self-management on daily activities, 2) emotional, psychological and social aspects included understanding and adaption to the illness, and 3) health care was affected by the treatments the patients received. In phase 2, factors found to be associated with illness experiences could be categorized in 3 aspects: parental, patient, and perceived health status aspects. In parental aspect, it was found that gender (r=0.284, p=0.05) and occupations (r=-0.340, p=0.05) were significantly associated with illness experiences. In patient aspect, gender (r=0.407, p=0.01) and blood transfusion (r=-0.303, p=0.05) were significantly associated with illness. In perceived health status aspect, it was found that motivation (r=0.364, p=0.01) and perceived susceptibility (r=-0.296, p=0.05) were significantly associated with illness experiences among school-age Thalassemia patients. Results from this study could enhance a better understanding of Illness experiences of school-age Thalassemia patients. The findings could also be applied as a basis for nursing practices and further research.
References
กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. การประชุมสัมมนาวิชาการธาลัสซีเมียแห่งชาติ ครั้งที่ 23 ประจำปี 2561: “Thalassemia : All New Hope”; วันที่ 4-6 กันยายน 2561; ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ; 2561.
จิตสุดา บัวขาว, บรรณาธิการ. แนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยธาลัสซีเมียในเวชปฏิบัติทั่วไป. นนทบุรี: สำนักงานกิจการโรงพิมพ์ องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์; 2560.
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. การประชุมสัมมนาวิชาการธาลัสซีเมียแห่งชาติ ครั้งที่ 24 ประจำปี 2562: “Precision lab for Thalassemia ห้องปฏิบัติการแม่นยำ มุ่งนำวินิจฉัย ใส่ใจธาลัสซีเมีย”; วันที่ 21-23 สิงหาคม 2562; ณ ทีค การ์เด้น สปา รีสอร์ท เชียงราย; 2562.
กิตติ ต่อจรัส. Endocrinopathies in Thalassemia. วารสารโลหิตวิทยาและเวชศาสตร์บริการโลหิต 2562;29(2):81-2.
เสาวรัตน์ เดชชัยวัฒนา, นิศาชล เศรษฐไกรกุล, ระพีพงศ์ สุพรรณไชยมาตย์. การเปลี่ยนแปลงของภาวะโภชนาการ และการเจริญเติบโตของผู้ป่วยเด็กธาลัสซีเมียจากการให้เลือดอย่างสม่ำเสมอ ณ โรงพยาบาลบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น. วารสารกุมารเวชศาสตร์ 2562;58(1): 4-10.
จินตนา ศิรินาวิน, ชนินทร์ ลิ่มวงค์, พรพิมล เรืองวุฒิเลิศ, เสถียร สุขพณิชนันท์, วันชัย วนะชิวนาวิน, วรวรรณ ตันไพจิตร. ความรู้พื้นฐานธาลัสซีเมียเพื่อการป้องกันและควบคุมโรค. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน; 2554.
รัชนีกร กุตระแสง, ศิริยุพา สนั่นเรืองศักดิ์, นฤมล ธีระรังสิกุล. ผลของโปรแกรมส่งเสริมการจัดการของครอบครัวต่อการจัดการของมารดาและภาวะสุขภาพของเด็กวัยเรียนที่ป่วยด้วยโรคธาลัสซีเมีย. วารสารพยาบาล 2560;66(3):1-10.
ยุภดี สงวนพงษ์, นิภา อังศุภากร. ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยคัดสรรกับการดูแลตนเองของผู้ป่วยเด็กโรคธาลัสซีเมียโรงพยาบาลชัยภูมิ.วารสารพยาบาลศาสตร์และสุขภาพ 2552;32(1):76-89.
ศิริยุพา สนั่นเรืองศักดิ์, นฤมล ธีระรังสิกุล, พจนารถ สารพัด, มณีพร ภิญโญ. รูปแบบการจัดการตนเอง ของเด็กที่ป่วยด้วยโรคธาลัสซีเมีย. วารสารคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา 2563; 28(2): 27-39.
โรงพยาบาลชัยภูมิ. สถิติผู้ป่วยเด็กวัยเรียนโรคธาลัสซีเมีย. ชัยภูมิ: โรงพยาบาลชัยภูมิ; 2562.
Becker MH, Maiman LA, Kirscht JP, Haefner DP, Drachman RH. The Health Belief Model and Prediction of Dietary Compliance: A field experiment. J Health Soc Behav 1977;18(4):348-66.
Orem DE, Taylor SG, Renpenning KM. Nursing: Concepts of practice. 6thed. St. Louis: Mosby; 2001.
Krejcie RV, Morgan DW. Determining Sample Size for Research Activities. Educ Psychol Meas 1970;30(3):607-10.
เนื้อแพร เล็กเฟื่องฟู, ธัญมัชฌ สรุงบุญมี. บทบาทของสภาพครัวเรือนต่อการพัฒนาคุณภาพกำลังแรงงานในอนาคต; ในชุดโครงการ พัฒนาองค์ความรู้และนโยบายเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือนไทย. กรุงเทพฯ: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.); 2018.
ภูษณิศา มาพิลูน, ปรีย์กมล รัชนกุล, วาริยา หมื่นสา. ผลของโปรแกรมการพัฒนาความสามารถในการดูแลตนเองของเด็กวัยเรียนโรคธาลัสซีเมีย และความสามารถในการดูแลเด็กของผู้ดูแล ต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองของเด็ก. วารสารสภาการพยาบาล 2559;31(2):52-68.
ภารินี หงส์สุวรรณ, โกวิท เป็งวงศ์, บรรณาธิการ. แนวทางการดูแลสุขภาพตามหลัก 3 อ. อาหารออกกำลังกาย อารมณ์. นนทบุรี: สำนักส่งเสริมสุขภาพ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข; 2560.
บุญใจ ศรีสถิตนรากูร, วิภาดา แสงนิมิตรชัยกุล. ประสบการณ์การจัดการตนเองเกี่ยวกับโรคหืดของเด็กวัยเรียน. วารสารพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2562;30(1):26-36.
สมร ยอดพินิจ. ความสัมพันธ์ระหว่าง ปัจจัยคัดสรร การรับรู้ภาวะสุขภาพ และพฤติกรรมการดูแลตนเองของเด็กป่วยโรคธาลัสซีเมีย. วารสารวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี กรุงเทพ 2560;33(1):141-50.
ชุติกาญจน์ วัฒนา. ประสบการณ์การเจ็บป่วยของเด็กวัยเรียนโรคหืดที่มีภาวะน้ำหนักเกิน [วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต]. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย; 2560.
พนารัตน์ มัชปะโม. ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยคัดสรรการรับรู้ภาวะสุขภาพและพฤติกรรมการดูแลตนเองของเด็กป่วยโรคธาลัสซีเมีย. วารสารวิชาการสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม 2563; 4(8):234-43.
Downloads
Published
How to Cite
Issue
Section
License
Copyright (c) 2021 REGIONAL HEALTH PROMOTION CENTER 9 JOURNAL

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความหรือข้อคิดเห็นใด ๆ ที่ประกฎในวารสารศูนย์อนามัยที่ 9 เป็นความคิดเห็นของผู้เขียน บรรณาธิการ คณะผู้จัดทำ และศูนย์อนามัยที่ 9 นครราชสีมา (เจ้าของ) ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย ผู้เขียนต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง
ผลการพิจารณาของกองบรรณาธิการและผู้ทรงคุณวุฒิถือเป็นที่สิ้นสุด คณะบรรณาธิการวารสารฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการตรวจแก้ไขข้อความให้ถูกต้องตามหลักภาษาและมีความเหมาะสม
กองบรรณาธิการวารสารฯ ขอสงวนสิทธิ์มิให้นำเนื้อหาใด ๆ ของบทความ หรือข้อคิดเห็นใด ๆ ของผลการประเมินบทความในวารสารฯ ไปเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตจากกองบรรณาธิการ อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร และผลงานที่ได้รับการตีพิมพ์ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารศูนย์อนามัยที่ 9