Readiness, Knowledge, Attitude, and Maternal-Child Nursing Practice of Nursing Students in Clinical Training at a Private University in Buriram Province
Keywords:
Knowledge, Attitude, Maternal and Newborn Nursing Practice 1, Nursing studentsAbstract
The objectives of this descriptive research were to study knowledge, attitudes, practices, and satisfactions on and relationships between knowledge, attitudes, practices and satisfactions among nursing students on Maternal and Newborn Nursing 1 course. Samples were 139 third-year nursing students attending the Maternal and Newborn Nursing 1 from the Faculty of Nursing, Western University, Buriram Campus, in 2024 academic year. The samples received theory instructions and laboratory practice for five days. Instruments used for data collection included: 1) knowledge assessment on maternal and newborn nursing based on the instructional content; 2) attitude questionnaire on maternal and newborn nursing practice in the inpatient ward; 3) performance evaluation form assessing maternal and newborn nursing practice after the completion of the practicum; and 4) satisfaction questionnaire. Reliability of the instruments, using Cronbach’s alpha coefficient was 0.98. Data were analyzed using descriptive statistics including frequencies, percentages, means, and standard deviations. The relationships among variables were analyzed using Pearson’s correlation coefficient.
Findings showed that, the majority of participants had a high level of knowledge (86.34%). Attitudes towards maternal and newborn nursing practice were at the highest level (=4.73, SD=0.489). Maternal and newborn nursing practice was also at the highest level (
=4.46, SD=0.589). Student satisfactions was at a high level (
=4.48, SD=0.632). Additionally, maternal and newborn nursing practices was significantly and highly correlated with student satisfactions (r=0.999, p=0.01).
References
สภาการพยาบาล. ประกาศสภาการพยาบาล เรื่อง สมรรถนะหลักของผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก สาขาพยาบาลศาสตร์ หลักสูตรฝึกอบรมการพยาบาลขั้นสูงระดับวุฒิบัตรและได้รับวุฒิบัตร/หนังสืออนุมัติแสดงความรู้ความชำนาญเฉพาะทางการพยาบาลและการผดุงครรภ์ และการพยาบาลเฉพาะทางสาขาพยาบาลศาสตร์. นนทบุรี; สภาการพยาบาล; 2561.
ชุติกาญจน์ แซ่ตัน, ศศิธร คำพันธ์. ความเครียดและการเผชิญความเครียดของนักศึกษาพยาบาลในการฝึกภาคปฏิบัติวิชาการพยาบาลมารดาทารกและการผดุงครรภ์ 1. วารสารวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีกรุงเทพ. 2557;30(3):54-63.
กัญญ์ชิสา สุนทรมาลัย. ปัจจัยทํานายและแนวทางลดความเครียดในการฝึกภาคปฏิบัติวิชาการพยาบาลมารดา-ทารก และการผดุงครรภ์ 1 ของนักศึกษาพยาบาลตำรวจ วิทยาลัยพยาบาลตำรวจ. วารสารพยาบาลตำรวจ. 2560;9(2):128-38.
วรรณวดี เนียมสกุล, ภิญญารัช บรรเจิดพงศ์ชัย. การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนบนคลินิกฝากครรภ์โดยใช้วิธีการเรียนรู้แบบ VARK ในรายวิชาปฏิบัติการพยาบาลมารดาทารกและการผดุงครรภ์ 1. วารสารวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์. 2559;8(2):20-36.
พูลทรัพย์ ลาภเจียม. ผลของการเตรียมความพร้อมก่อนขึ้นฝึกปฏิบัติงานต่อความรู้และทักษะการปฏิบัติการพยาบาลมารดา ทารกและผดุงครรภ์ ของนักศึกษาพยาบาลศาสตรบัณฑิต ชั้นปีที่ 3 วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี เชียงใหม่. ราชาวดีสาร วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนสุรินทร์. 2562;9(2):42-54.
Bloom BS. Taxonomy of Educational Objectives, Handbook: The Cognitive Domain. David McKay, New York; 1956.
Best JW. Research in Education. 3rd ed. Englewood Cliffs, NJ: Prentice-Hall; 1977.
ปุณยนุช พิมใจใส, นงนภัส วงษ์จันทร. ปัจจัยที่มีผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาปฏิบัติการพยาบาล มารดา ทารกและการผดุงครรภ์ 1 ของนักศึกษาพยาบาล มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐม. วารสารพยาบาลทหารบก. 2561;19(1):154-63.
วรางคณาง คุ้มสุข. การใช้สถานการณ์จำลองเสมือนจริงในการเตรียมความพร้อมก่อนฝึกปฏิบัติงานวิชาปฏิบัติการพยาบาลมารดาทารกและผดุงครรภ์1ต่อความรู้ ความพึงพอใจและ ความมั่นใจในตนเองของนักศึกษาพยาบาลศาสตร์ชั้นปีที่ 3. The New Viridian Journal of Arts, Humanities and Social Sciences. 2564;1(6):1-15.
กฤษณา โชติชื่น. การเตรียมความพร้อมนักศึกษาพยาบาล สำหรับการฝึกปฏิบัติในคลินิกฝากครรภ์ตามแนวคิด VARK. วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระจอมเกล้า จังหวัดเพชรบุรี. 2564;4(3):15-25.
สิรารักษ์ ศรีมาลา, รุ่งทิวา หวังเรืองสถิตย์. ผลสัมฤทธิ์และความพึงพอใจของนักศึกษาพยาบาลต่อการจัดการเรียนการสอนการพยาบาลทารกแรกเกิดแบบ VARK Learning Style. วารสารวิชาการสาธารณสุข. 2558;24(4):751-9.
ศุภรัตน์ แจ่มแจ้ง, วิรดา อรรถเมธากุล, ดวงแข พิทักษ์สิน. ผลของการเตรียมความพร้อมในการฝึกปฏิบัติการพยาบาลบนหอผู้ป่วย อย่างมีแบบแผนสำหรับนักศึกษาพยาบาลศาสตรบัณฑิตชั้นปีที่ 2 วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ราชบุรี. วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. 2561;20(3):147-63.
วนิดา ชวเจริญพันธ์, นิชดา สารถวัลย์แพศย์. ความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้ประโยชน์ต่อการเตรียมความพร้อมก่อนฝึกปฏิบัติการพยาบาลและผลการปฏิบัติการพยาบาลระยะคลอดของนักศึกษาพยาบาล. วารสารพยาบาลทหารบก. 2562;20(1):351-8.
Maslow AH. Motivation and Personality. New York, NY: Harper & Row Publishers; 1954.
กฤษณา ศักดิ์ศรี. จิตวิทยาการศึกษา. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์นิยมวิทยา; 2530: 212.
สุกัญญา ม่วงเลี้ยง, สุดารัตน์ ไชย์ประสิทธิ์, ณัฏฐมณฑน์ โกศัย, สิริกานดา สุขเกษม, วิรินทร พิมไลย. ผลการเตรียมความพร้อมก่อนการขึ้นฝึกปฏิบัติงานต่อผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐาน คุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติรายวิชาปฏิบัติการพยาบาลมารดา ทารก และการผดุงครรภ์ 1 วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์. วารสารวิจัยการพยาบาลและวิทยาศาสตร์สุขภาพ. 2566;15(1):236-54
พวงผกา อินทรเอี่ยม, จำลอง ชูโต, สุนทร ภานุทัต. ผลของการจัดโครงการเตรียมความพร้อมก่อนฝึกปฏิบัติต่อความเครียดและความพร้อมก่อนการฝึกปฏิบัติการพยาบาลครั้งแรกของนักศึกษาพยาบาล ชั้นปีที่ 2คณะพยาบาลศาสตร์มหาวิทยาลัยราชธานีวิทยาเขตอุดรธานี. การประชุมวิชาการและนำเสนอผลงานวิจัยระดับชาติ ราชธานีวิชาการ ครั้งที่ 2 “การวิจัย 4.0 เพื่อการพัฒนาประเทศสู่ความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน”.2559:170-79
Downloads
Published
How to Cite
Issue
Section
License
Copyright (c) 2025 REGIONAL HEALTH PROMOTION CENTER 9 JOURNAL

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความหรือข้อคิดเห็นใด ๆ ที่ประกฎในวารสารศูนย์อนามัยที่ 9 เป็นความคิดเห็นของผู้เขียน บรรณาธิการ คณะผู้จัดทำ และศูนย์อนามัยที่ 9 นครราชสีมา (เจ้าของ) ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย ผู้เขียนต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง
ผลการพิจารณาของกองบรรณาธิการและผู้ทรงคุณวุฒิถือเป็นที่สิ้นสุด คณะบรรณาธิการวารสารฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการตรวจแก้ไขข้อความให้ถูกต้องตามหลักภาษาและมีความเหมาะสม
กองบรรณาธิการวารสารฯ ขอสงวนสิทธิ์มิให้นำเนื้อหาใด ๆ ของบทความ หรือข้อคิดเห็นใด ๆ ของผลการประเมินบทความในวารสารฯ ไปเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตจากกองบรรณาธิการ อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร และผลงานที่ได้รับการตีพิมพ์ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารศูนย์อนามัยที่ 9