ผลของโปรแกรมการดูแลช่องปากด้วยตนเองร่วมกับกลีเซอรีนพญายอและเจลแป๊ะตำปึง ต่อภาวะเยื่อบุช่องปากอักเสบในผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด

Main Article Content

Natthaya chabuakam

Abstract

บทคัดย่อ: การวิจัยทดลองชนิดไขว้ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมการดูแล
ช่องปากด้วยตนเองร่วมกับกลีเซอรีนพญายอและเจลแป๊ะตำปึงต่อภาวะเยื่อบุช่องปากอักเสบในผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจงจำนวน 20 ราย สุ่มแบบระบบจัดลำดับให้เข้าระยะควบคุม 2 ระยะ และ ระยะทดลอง 2 ระยะ ทุกรายได้รับโปรแกรมการดูแลช่องปากเหมือนกันเรียงลำดับการได้รับสมุนไพรแตกต่างกันใน 4 รอบของการได้รับเคมีบำบัด เครื่องมือวิจัยประกอบด้วย 1) เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบบันทึกข้อมูลส่วนบุคคล แบบบันทึกอาการในช่องปาก แบบประเมินก่อนได้รับยาเคมีในแต่ละรอบ แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการใช้สมุนไพร 2) เครื่องมือในการดำเนินการวิจัย ได้แก่ แบบประเมินอาการเยื่อบุช่องปากอักเสบขององค์การอนามัยโลก และ
โปรแกรมการดูแลช่องปากด้วยตนเองซึ่งรวมสมุนไพร วัสดุอุปกรณ์ แผนการสอนและคู่มือสำหรับผู้ป่วยวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติบรรยาย สถิติไคสแควร์ การวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียว และสถิติฟรีดแมน พบว่า ระยะทดลองคือ ช่วงเวลาที่ได้รับกลีเซอรีนพญายอ และช่วงเวลาที่ได้รับเจลแป๊ะตำปึงมีอัตราการเกิดเยื่อบุช่องปากอักเสบ ระยะเวลาเริ่มเกิดอาการ ระยะมีอาการ ความรุนแรงของอาการ และความปวดในช่องปากน้อยกว่าระยะควบคุมคือ ช่วงเวลาที่ได้รับกลีเซอรีนหลอกและช่วงเวลาที่ได้รับเจลหลอกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ผู้ป่วยในระยะทดลองมีความพึงพอใจต่อการใช้สมุนไพรมากกว่าระยะควบคุม การเปรียบเทียบระยะทดลอง 2 ระยะไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ สรุปว่าโปรแกรมการดูแลช่องปากด้วยตนเองร่วมกับกลีเซอรีนพญายอหรือเจลแป๊ะตำปึง สามารถป้องกันละบรรเทาอาการเยื่อบุช่องปากอักเสบในผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัดได้ ควรจัดให้เป็นส่วนหนึ่งของการดูแลผู้ป่วยกลุ่มนี้


คำสำคัญ: เยื่อบุช่องปากอักเสบ เคมีบำบัด กลีเซอรีนพญายอ เจลแป๊ะตำปึง การดูแลช่องปาก

Article Details

How to Cite
1.
chabuakam N. ผลของโปรแกรมการดูแลช่องปากด้วยตนเองร่วมกับกลีเซอรีนพญายอและเจลแป๊ะตำปึง ต่อภาวะเยื่อบุช่องปากอักเสบในผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด. Nurs Res Inno J [Internet]. 2014 Oct. 27 [cited 2024 Apr. 19];20(2):145-62. Available from: https://he02.tci-thaijo.org/index.php/RNJ/article/view/22376
Section
บทความวิจัย