การพัฒนาศักยภาพการดูแลสุขภาพตนเองด้วยสมุนไพรในผู้สูงอายุบ้านท่าข้าม ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
คำสำคัญ:
การพัฒนาศักยภาพ, การดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ, สมุนไพร, กรอบแนวคิดการวิเคราะห์โครงสร้างเชิงตรรกะของแจ็คสันบทคัดย่อ
การวิจัยเชิงพัฒนานี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษากระบวนการพัฒนาศักยภาพการดูแลสุขภาพตนเองด้วยสมุนไพร และเปรียบเทียบความรู้ และพฤติกรรมก่อนและหลังการพัฒนาศักยภาพของผู้สูงอายุบ้านท่าข้าม ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างตามคุณสมบัติที่กำหนด จำนวน 40 คน เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล ประกอบด้วย 1) แบบสัมภาษณ์ข้อมูลส่วนบุคคล 2) แบบสัมภาษณ์ความรู้ในการดูแลสุขภาพตนเองด้วยสมุนไพร 3) แบบวัดพฤติกรรมในการดูแลตนเองด้วยสมุนไพร และ 4) คำถามในการสนทนากลุ่ม มีค่าดัชนีความตรงตามเนื้อหาเท่ากับ .98 และความเชื่อมั่นของเครื่องมือเท่ากับ .83 เก็บรวบรวมข้อมูล ระหว่างเดือน มิ.ย ถึง พ.ย 2560 โดยแบ่งกระบวนการพัฒนาศักยภาพการดูแลสุขภาพตนเองด้วยสมุนไพรเป็น 3 ระยะได้แก่ 1) ระยะก่อนการพัฒนา 2) ระยะการพัฒนา และ 3) ระยะหลังการพัฒนา สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าทีแบบไม่อิสระ ข้อมูลจากการสนทนากลุ่มใช้การวิเคราะห์เชิงเนื้อหา
ผลการวิจัยพบว่า 1) ระยะก่อนการพัฒนา มีปัจจัยที่เกี่ยวข้องรวม 4 ด้านคือ (1) ด้านผู้สูงอายุ (2) ด้านกระบวนการ (3) ด้านโครงสร้างกายภาพของชุมชน และ (4) ด้านผู้ให้บริการ 2) ระยะการพัฒนา ได้คู่มือการดูแลสุขภาพตนเองด้วยสมุนไพร และโปรแกรมการดูแลสุขภาพตนเองด้วยสมุนไพร ประกอบด้วย 6 กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรมสมุนไพรใกล้ตัว กิจกรรมสมุนไพรน่ารู้ กิจกรรมสมุนไพร น่ากิน น่าใช้ กิจกรรมสมุนไพรเฉพาะกลุ่มโรค กิจกรรมสมุนไพรน่าปลูก และกิจกรรมเรื่องบอกเล่าสมุนไพร และ 3) ระยะหลังการพัฒนา พบว่า ความรู้และพฤติกรรมในการดูแลสุขภาพ ก่อนและหลังการพัฒนาแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .00
เอกสารอ้างอิง
social and cultural health in the dimension of Medical pluralism. Thailand,
Bangkok:Sirithorn Anthropology Center; 2005. (in Thai)
Chanthasirikarn S. The situation of knowledge in the integration of eldery working Research
Meeting in Primary conference about developing eldery healthcare;2009 Jan 22-23;
Thailand, Bangkok, Miracle Hotel. (in Thai)
Dey, K. P., & Hariharan, S. (2006). Integrated approach to healthcare Quality management: A case study. The TQM Magazine, 18(6), 583-605.
Jackson, B. (1997). Designing projects and project evaluations using the logical framework approach. Retrieved May, 15, 2007.
Prime Minister Office.National Strategy.THAI Lolal Wisdom.THAI Health. Vol 2. 2012 – 2016
[cited 2017 August 1]; Available from: URL: http://www.thaihof.org.
Published in the Royal Government Gazette, Gen. Vers, Vol. 124, Spec.Pt.55 Gnor, 2017. (in
Thai)
THAI Health Department:Annual. 2012 [cited 2017 August 3]; Available from: URL:
http://www.thaihealth.or.th/Book/tist/8/
World Health Organization (WHO) “WHO Traditional Medicine Strategies. (2013). Honkong Chiana. [cited 2017 Dec 8]; Retrieved from www.who.int/iris/bitstream/ 10665/92455/1/ 9789241506090_eng.pdf
Chaiyan P., Boonrod T., Dassimla W., Khao Nuan B., & Songsiri P. (2013).Characteristics of
Health Personnel in Three Southern Border Provinces The quality of work life. Journal
Of Public Health; 43(2), 138-149. (in Thai)
Chai Chom Phu S. (2013). Factors related to the use of medicinal herbs in people in Region 11,
Ministry of Public Health. Journal Kueakarun; 19(2), 60-72. (in Thai)
Kaweewuttipun K., Wichaikhum O., & Nantsupawat R. (2008). Developing a Nursing Service
Quality Model In an Outpatient Department. Nursing Journal; 37(2), 109- 123. (in Thai)
Pantalay S. Alternative: The Study of Behavior in Medical Herbs usage for Health Care
of People in the Eastern Forest Network Community. Case Study: Ban Na E-San, Mool 6,
Thumbon Ta Kradan Amphur. Faculty of King Mongkut,Technology Thonburi –
Bankok University; (2008). (in Thai)
Varee A., Klunklin A., & Wichaikhum O. (2012). Development of an Outpatient Service System
for Diabetes Mellitus, Sarapee Hospital, Chiang Mai Province. Nursing Journal; 39(1),
105 -117. (in Thai)
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารพยาบาลสาร
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใด ๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว