โภชนาการ กิจกรรมทางกาย และภาวะอ้วนในผู้ที่เป็นโรคจิตเภท
คำสำคัญ:
ภาวะโภชนาการ, กิจกรรมทางกาย, ภาวะอ้วน, ผู้ที่เป็นโรคจิตเภทบทคัดย่อ
ภาวะอ้วนเป็นโรคทางกายที่พบมากในผู้ที่เป็นโรคจิตเภท ปัจจัยเกี่ยวข้องกับการเกิดภาวะอ้วนในผู้ที่เป็นโรคจิตเภทที่สามารถจัดการและเปลี่ยนแปลงได้ ได้แก่ ภาวะโภชนาการและกิจกรรมทางกายที่ไม่เหมาะสมของผู้ที่เป็นโรคจิตเภท การวิจัยเชิงพรรณาแบบหาความสัมพันธ์ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาภาวะโภชนาการ และกิจกรรมทางกายของผู้ที่เป็นโรคจิตเภท และเพื่อศึกษาหาความสัมพันธ์ระหว่างภาวะโภชนาการ กิจกรรมทางกาย และภาวะอ้วนในผู้ที่เป็นโรคจิตเภท กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้ที่เป็นโรคจิตเภทที่มารับบริการที่แผนกผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลสวนปรุง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 187 ราย ที่ได้รับยารักษาอาการโรคจิต แบ่งเป็นกลุ่มที่มีภาวะอ้วน 74 ราย และไม่มีภาวะอ้วน 113 ราย รวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามระหว่างเดือนมีนาคม ถึงเดือนเมษายน 2558 เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย 1) เครื่องมือในการดำเนินการวิจัยได้แก่ เครื่องวัดส่วนสูง และสายวัดตัว 2) เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล แบบประเมินภาวะอ้วนในผู้ที่เป็นโรคจิตเภท แบบสอบถามพฤติกรรมด้านโภชนาการ และแบบสอบถามกิจกรรมทางกายตรวจสอบค่าความเชื่อมั่นของเครื่องมือได้ค่าสัมประสิทธ์อัลฟาของครอนบาคเท่ากับ 0.80 และ 0.84 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา สถิติสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน และสถิติสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบสเปียร์แมน
ผลการศึกษาพบว่า ผู้ที่เป็นโรคจิตเภทมีพฤติกรรมการเสริมสร้างสุขภาพในด้านโภชนาการอยู่ในระดับสูง 33.20% ระดับปานกลาง 66.30% และระดับน้อย 0.50% ส่วนการมีกิจกรรมทางกายอยู่ในระดับมาก 38.50% ระดับปานกลาง 23.50% และระดับน้อย 38% ค่าคะแนนพฤติกรรมการเสริมสร้างสุขภาพในด้านโภชนาการ
โดยรวม (โภชนาการ)กับค่าอัตราส่วนความยาวรอบเอวต่อความสูง (ภาวะอ้วน) ของผู้ที่เป็นโรคจิตเภททั้งกลุ่มที่มีภาวะอ้วนและไม่มีภาวะอ้วนไม่มีความสัมพันธ์กัน และค่ากิจกรรมทางกายโดยรวม (กิจกรรมทางกาย) กับค่าอัตราส่วนความยาวรอบเอวต่อความสูง (ภาวะอ้วน)ของผู้ที่เป็นโรคจิตเภททั้งใน
กลุ่มที่มีภาวะอ้วนและไม่มีภาวะอ้วนมีความสัมพันธ์กันในทิศทางตรงกันข้ามในระดับต่ำและต่ำมากตามลำดับ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r = -0.392, p = 0.004; r = -0.121, p = 0.008)
ผลการศึกษาครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าผู้ที่เป็นโรคจิตเภทส่วนใหญ่มีพฤติกรรมเสริมสร้างสุขภาพในด้านโภชนาการอยู่ในระดับปานกลางและมีกิจกรรมทางกายอยู่ในระดับมาก และค่ากิจกรรมทางกายโดยรวมมีความสัมพันธ์แบบผกผันกับภาวะอ้วนในผู้ที่เป็นโรคจิตเภททั้งในกลุ่มที่มีภาวะอ้วนและไม่มีภาวะอ้วน ดังนั้นควรมีการวางแผนสร้างโปรแกรมในการป้องกัน หรือลดการเกิดภาวะอ้วนในผู้ที่เป็นโรคจิตเภทโดยการเน้นที่การจัดกิจกรรมทางกายให้เหมาะสม และให้ความรู้เกี่ยวกับการปรับพฤติกรรมโภชนาการเพิ่มเติม
เอกสารอ้างอิง
doc/160868655/
ขวัญสุดา บุญทศ, อมรรัตน์ ศรีสุขคำ ไซโตะ และสุวรรณา อรุณพงค์ไพศาล. (2556). การสนับสนุน
ทางสังคมของผู้ป่วยโรคจิตเภท. วารสารสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย, 58(1), 89 – 100.
จินตนา มงคลพิทักษ์สุข, วีรพล อุณหรัศมี, ขวัญดาว สุดธนาพันธ์, และ ชมภูนุช สุคนธวารี (2555).
ความชุกและปัจจัยที่สัมพันธ์กับการเกิดโรคอ้วนในผู้ป่วยโรคจิตเภทที่มารับบริการที่สถาบันจิตเวช
ศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา. วารสารสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย, 57(2), 137-150
วิชัย เอกพลากร, เยาวรัตน์ ปรปักษ์ขาม, สุรศักดิ์ ฐานีพานิชสกุล, , วราภรณ์ เสถียรนพเก้า, และ กนิษฐา
ไทยกล้า. (2553). การสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกายครั้งที่ 4 พ.ศ. 2551-2552
(พิมพ์ครั้งที่ 1). นนทบุรี: เดอะ กราฟิโก ซิสเต็มส์.
ศักดิ์ชาย ควรระงับ. (2557).กระบวนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อควบคุมน้ำหนักตัวของบุคลากรของ
มหาวิทยาลัยพายัพ. พยาบาลสาร, 41(1), 85 – 95.
สุธิศา ล่ามช้าง, รัตนาวดี ชอนตะวัน, ฐิติมา สุขเลิศตระกูล และ วิภาดา คุณาวิกติกุล. (2548).
ภาวะสุขภาพ และพฤติกรรมเสริมสร้างสุขภาพของอาจารย์ คณะพยาบาลศาสตร์ (หมายเลข
รายงาน ISBN 974 – 656 – 672 – 5) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, เชียงใหม่: คณะพยาบาลศาสตร์.
Beebe L.H. & Harris R.F. (2013). Description of physical activity in outpatients with schizophrenia
spectrum disorders. International Journal of Mental Health Nursing, 22, 430 – 436.
doi: 10.1111/inm.12008
Chwastiak L.A., Rosenheck R.A., McEvoy J.P., Stroup T.S., Swartz M.S., Davis S.M. & Lieberman
J.A. (2009). The impact of obesity on health care costs among persons with schizophrenia.
Gen Hosp Psychiatry, 31(1), 1 – 7. doi:10.1016/j.genhosppsych.2008.09.012
Guo X., Zhang Z., Wei Q., Lv H., Wu R. & Zhao J. (2013). The relationship between obesity and
neurocognitive function in Chinese patients with schizophrenia. BMC Psychiatry, 13(109),
1 – 6. Retrieved from http://www.biomedcentral.com/1471-244X/13/109
Haw C. & Rowell A. (2011). Obesity and its complications: A survey of inpatients at a secure
psychiatric hospital. The brithish journal of forensic practice, 13(4), 270 – 277.
doi:10.1108/14636641111190033
Jakabek D., Quirk F., Driessen M., Aljeesh Y. & Baun B.T. (2011). Obesity and nutrition
behaviours in Western and Palestinian outpatients with severe mental illness. BMC
Psychiatry, 11(159), 1 – 7. Retrieved from http://www.biomedcentral.com/1471-244X/11/159
Kolotkin R.L., Corey – Lisle P.K., Crosby R.D., Swanson J.M., Tuomari A.V., L’Italien G.J. &
Mitchell J.E. (2008). Impact of obesity on health – related quality of life in schizophrenia and
bipolar disorder. Obesity, 16(4), 749 – 754. doi: 10.1038/oby.2007.133
Nunes, D., Eskinazi, B., Rockett, F. C., Delgadod, V. B., & Perry, I. D. S. (2014). Nutritional status,
food intake and cardiovascular disease risk in individuals with schizophrenia in southern
Brazil: A case-control study. Revista de Psiquiatria y Salud Mental, 7(2), 72-79.
doi:10.1016/j.rpsmen.2014.01.001
Simonelli-Monoz A.J., Fortea M.I., Salorio P., Gallego-Gomez J.I., Sanchez-Bautista S.
& Balanza S. (2012). Dietary habits of patients with schizophrenia: A self-reported
questionnaire survey. International Journal of Mental Health Nursing, 21, 220 – 228.
doi: 10.1111/j.1447-0349.2012.00821.x
Vancampfort D., Probst M., Sweers K., Maurissen K., Knapen J. & Hert M.D. (2011).
Relationships between obesity, functional exercise capacity, physical activity participation
and physical self – perception in people with schizophrenia. Acta Psychiatr Scand, 123,
423 – 430. doi: 10.1111/j.1600-0447.2010.01666.x
Yamamoto H., Yamamoto K., Miyaji S., Inui M.Y., Hori T., Tatematsu S.,… Miyaoka H. (2011).
Daily physical activity in patients with schizophrenia. Kitasato Med J, 41, 145-153.
Retrieved from http://mlib.kitasato-u.ac.jp/KMJ41-2/KMJ41-2p145-153.pdf
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารพยาบาลสาร
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใด ๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว