การพัฒนาหุ่นต้นแบบ “ดีต่อใจ” เพื่อฝึกการกดหน้าอกสำหรับนักศึกษาพยาบาล

ผู้แต่ง

  • วิชยา เห็นแก้ว อาจารย์ คณะพยาบาลศาสตร์ วิทยาลัยเชียงราย
  • เทียมศร ทองสวัสดิ์ รองศาสตราจารย์ คณะพยาบาลศาสตร์ วิทยาลัยเชียงราย
  • ไพฑูรย์ ยศกาศ อาจารย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ วิทยาลัยเชียงราย

คำสำคัญ:

หุ่นฝึกกดหน้าอก, การพัฒนานวัตกรรม

บทคัดย่อ

การกดหน้าอกเป็นทักษะปฏิบัติทางวิชาชีพที่สำคัญสำหรับนักศึกษาพยาบาล วัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาหุ่นต้นแบบ“ดีต่อใจ” เพื่อฝึกการกดหน้าอกและศึกษาความพึงพอใจการใช้นวัตกรรมของนักศึกษาพยาบาล  โดยแบ่งกระบวนการศึกษาเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 เป็นการพัฒนานวัตกรรมตามแนวทางการกดหน้าอกและการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจหลอดเลือดในภาวะฉุกเฉินของสมาคมโรคหัวใจสหรัฐอเมริกา ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2558   ประกอบด้วย  6 ขั้นตอน ได้แก่  1) สำรวจประสบการณ์และความต้องการการใช้หุ่นช่วยฝึกการกดหน้าอกของนักศึกษาพยาบาล  2) ศึกษาแนวคิด ทฤษฏี เอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง และความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ 3) สร้างหุ่นต้นแบบ “ดีต่อใจ” 4) ตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ 5) ทดลองใช้  6) ปรับปรุงหุ่นต้นแบบ “ดีต่อใจ”  ระยะที่ 2 เป็นการศึกษาความพึงพอใจของนักศึกษาพยาบาลต่อนวัตกรรมหุ่นต้นแบบ “ดีต่อใจ” จากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นนักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 3  จำนวน 30 ราย

ผลการศึกษาพบว่า

หุ่นต้นแบบ “ดีต่อใจ” เพื่อฝึกการกดหน้าอกมีลักษณะเป็นหุ่นผ้าหุ้มยางพาราภายในมีลวดสปริงและแผ่นวงจรรับน้ำหนักอิเล็กทรอนิกส์ต่อพ่วงกับจอแสดงผล และเมื่อนำไปทดลองใช้พบว่านักศึกษาพยาบาลส่วนใหญ่มีคะแนนความพึงพอใจต่อนวัตกรรมนี้ในระดับมากและมากที่สุด

สรุปและข้อเสนอแนะ

ผลการศึกษาได้นวัตกรรมที่มีประโยชน์ในการฝึกการกดหน้าอกได้จริง และหากมีการปรับปรุงให้ดีขึ้นจะสามารถต่อยอดเป็นนวัตกรรมเชิงพาณิชย์ได้

References

Chiannilkulchai, N., & Nunthawong, J. (2016). Development of an Artificial Pus Wound Model to
Improve Second-Year Nursing Students’ Skill in Performing Wound Swab Culture. Thai
Journal of Nursing Council, 31(1). 32-43. (in Thai)
Daungrat, B., Yantarapakon, A., Jirasinthipok, T., Sayorwan, W., Ratanawiboolsook, N., &
Saleepang, N. (2009). Development of Latex Arm Model for Suturing Practice. Journal of
Public Health and Development, 7(1), 47-60. (in Thai)
Kumkwan, Y., & Chaiyawut, P. (2014). The Development of Endotracheal-tube and
Tracheostomy-tube Suction Models for Suction Skill Practice. Journal of Phrapokklao
Nursing College, 25(2), 52-64. (in Thai)
Choeychom, S., & Rujiwatthanakorn, D. (2015).The Use of an Innovative Arm Mode in Practicing
an Intravenous Infusion Procedure of Nursing Students. Ramathibodi Nursing Journal,
21(3), 395-407. (in Thai)
Partiprajak, S. (2015). Relationship between Knowledge, Perceived Self-efficacy in Basic Life
Support (BLS) and Chest Compression Performance among Undergraduate
Nursing Students. Songklanagarind Journal of Nursing, 35(1). 119-132. (in Thai)
American Heart Association. (2015). Highlights of the 2015 American Heart Association
Guidelines Update for CPR and ECC. Retrieved June, 2016 from
https://eccguidelines.heart.org /wp-content/uploads/2015/10/2015-AHA-Guidelines-
Highlights-English.pdf.
Yimyam, S. (2016). Developing Stimulation Model for Training Clinical Skill of Health Science
Students. Nursing Journal , 43(2), 142-151. (in Thai)
Hertzog, M. A. (2008). Considerations in determining sample size for pilot studies. Research in
Nursing and Health, 31(2), 180-191.

Downloads

เผยแพร่แล้ว

2018-12-25

How to Cite

เห็นแก้ว ว., ทองสวัสดิ์ เ., & ยศกาศ ไ. (2018). การพัฒนาหุ่นต้นแบบ “ดีต่อใจ” เพื่อฝึกการกดหน้าอกสำหรับนักศึกษาพยาบาล. พยาบาลสาร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 45(4), 171–180. สืบค้น จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/cmunursing/article/view/162685