ผลของโปรแกรมสนับสนุนการจัดการตนเองต่อพฤติกรรมการจัดการตนเองและ ค่าความดันโลหิตของผู้สูงอายุโรคความดันโลหิตสูง

ผู้แต่ง

  • วิชยา เห็นแก้ว อาจารย์ คณะพยาบาลศาสตร์ วิทยาลัยเชียงราย
  • เบญจมาศ ถาดแสง อาจารย์ คณะพยาบาลศาสตร์แมคคอมิค มหาวิทยาลัยพายัพ
  • มณี กิติศรี พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านห้วยส้านพลับพลา
  • ฉัตรชัย ไวยะกา เจ้าพนักงานสาธารณสุขปฏิบัติงาน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านห้วยส้านพลับพลา

คำสำคัญ:

การสนับสนุนการจัดการตนเอง, ความดันโลหิตสูง, ผู้สูงอายุ

บทคัดย่อ

โรคความดันโลหิตสูงเป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ การวิจัยกึ่งทดลองครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมสนับสนุนการจัดการตนเองต่อพฤติกรรมการจัดการตนเองและค่าความดันโลหิตของผู้สูงอายุโรคความดันโลหิตสูง กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้สูงอายุโรคความดันโลหิตสูงที่เข้ารับบริการที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านห้วยส้านพลับพลา จำนวน  52 ราย คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจงตามเกณฑ์ที่กำหนด และสุ่มเข้ากลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม กลุ่มละ 26 ราย กลุ่มทดลองเข้าร่วมโปรแกรมสนับสนุนการจัดการตนเองครั้งละ 1.5 - 2 ชั่วโมง สัปดาห์ละ 1 ครั้ง เป็นเวลา 12 สัปดาห์ และกลุ่มควบคุมได้รับการดูแลตามปกติ เครื่องมือดำเนินการวิจัยประกอบด้วยโปรแกรมสนับสนุนการจัดการตนเองของผู้สูงอายุโรคความดันโลหิตสูง และคู่มือการจัดการตนเองของผู้สูงอายุโรคความดันโลหิตสูง  เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลประกอบด้วย 1) แบบวัดพฤติกรรมการจัดการตนเองของผู้สูงอายุโรคความดันโลหิตสูง 2) แบบวัดการรับรู้สมรรถนะแห่งตนในการปฏิบัติพฤติกรรมการจัดการตนเองของผู้สูงอายุโรคความดันโลหิตสูง  3) สมุดบันทึกพฤติกรรมการจัดการตนเองของผู้สูงอายุโรคความดันโลหิตสูง และ 4) เครื่องวัดความดันโลหิตและหูฟัง  วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนา สถิติทดสอบค่าที สถิติทดสอบแมนวิทนี-ยู และสถิติทดสอบวิลคอกซันแมชแพร์ ไซน์ แรงค์

ผลการศึกษา พบว่า 

          ค่าเฉลี่ยคะแนนพฤติกรรมการจัดการตนเองของผู้สูงอายุโรคความดันโลหิตสูงในกลุ่มทดลอง          (x̄ = 95.03, S.D. = 4.93) สูงกว่ากลุ่มควบคุม  (x̄ = 76.80, S.D. = 5.67)  และสูงกว่าก่อนเข้าร่วมโปรแกรม (x̄ = 76.26, S.D. = 8.35) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < .001)  ค่ามัธยฐานของความดันโลหิตขณะหัวใจทั้งบีบตัวและคลายตัวในกลุ่มทดลอง (median = 110  และ median = 70 ตามลำดับ)  ต่ำกว่ากลุ่มควบคุม (median = 130 และ median = 80 ตามลำดับ) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < .001, p < .05 ตามลำดับ) และต่ำกว่าก่อนเข้าร่วมโปรแกรม (median = 130  และ median = 80 ตามลำดับ) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p <.001, p < .001  ตามลำดับ)

          ผลการวิจัยครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าโปรแกรมการสนับสนุนการจัดการตนเองสามารถลดระดับความดันโลหิต ดังนั้นควรนำไปใช้เป็นแนวทางในการควบคุมความดันโลหิตในผู้สูงอายุโรคความดันโลหิตสูงต่อไป

เอกสารอ้างอิง

จันทร์จิรา สีสว่าง, ปุลวิชช์ ทองแตง และ ดวงหทัย ยอดทอง. (2557). ผลโปรแกรมสนับสนุนการจัดการ
ตนเองในผู้สูงอายุโรคความดันโลหิตสูง. รามาธิบดีพยาบาลสาร, 20(2). 179-192.
เนติมา คูนีย์. (2557). การทบทวนวรรณกรรม: สถานการณ์ปัจจุบันและรูปแบบการบริการด้านโรคไม่
ติดต่อเรื้อรัง. กรุงเทพฯ: อาร์ต ควอลิไฟท์.
เบญจมาศ ถาดแสง, ดวงฤดี ลาศุขะ, และ ทศพร คำผลศิริ. (2555). ผลของโปรแกรมสนับสนุนการจัดการ
ตนเองต่อพฤติกรรมการจัดการตนเองและค่าความดันโลหิตของผู้สูงอายุที่มีความดันโลหิตสูง.
พยาบาลสาร, 39(4). 124-137.
มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย. (2559). สถานการณ์ผู้สูงอายุไทย พ.ศ. 2558. กรุงเทพฯ:
อมรินทร์พริ้นติ้งแอนพับลิชชิ่ง.
วิมลรัตน์ ภู่วราวุฒิพานิช, จงกลวรรณ มุกสิกทอง, ศรินรัตน์ ศรีประสงค์, วารุณี พลิกบัว, ปิโยรส
เกษตรกาลาม์, สิริกาญจน์ หาญรบ, …ศรีสุดา เอกลัคนา. (2558). การทบทวนวรรณกรรมอย่าง
เป็นระบบเรื่องรูปแบบการดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรังและการสนับสนุนการจัดการตนเองในผู้ป่วยโรค
เรื้อรัง. กรุงเทพฯ: สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข.
สมาคมความดันโลหิตสูงแห่งประเทศไทย. (2558). แนวทางการรักษาโรคความดันโลหิตสูงในเวชปฏิบัติ
ทั่วไป. สืบค้นจาก http://www.thaihypertension.org.
Bandura. (1997). Self-efficacy: The exercise of control. New York: Freeman and Company.
Burns, N, & Grove, S. K. (2005). The practice of nursing research. Philadelphia: Saunders.
Fogari, R. & Zoppi, A. (2004). Effect of Antihypertensive Agents on Quality of Life in the Elderly.
Drugs Aging, 21(6). 377-393.
Lorig, K. R., & Holman, H. (2003). Self-management education: History, definition, outcome and
mechanism. The Society of Behavioral Medicine; 26(1). 1-7.
McManus, R. J., Mant, J., Bray, E. P., Holder, R., Jones, M. I., Greenfield, S., Hobbs, F. D.
(2010). Telemonitoring and self-management in the control of hypertension (TASMINH2): A randomised controlled trial. Lancet, 376(9736). 163-172.
Murman, D. L. (2015). The Impact of Age on Cognition. Seminars in hearing, 36(3). 111-121.
Xie, H., Cheng, C., Tao, Y., Zhang, J., Robert, D., Jia, J. & Su, Y. (2016). Quality of life in
Chinese family caregivers for elderly people with chronic diseases. Health and Quality of
Life Outcomes, 14(99).1-9.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2017-12-29

รูปแบบการอ้างอิง

เห็นแก้ว ว., ถาดแสง เ., กิติศรี ม., & ไวยะกา ฉ. (2017). ผลของโปรแกรมสนับสนุนการจัดการตนเองต่อพฤติกรรมการจัดการตนเองและ ค่าความดันโลหิตของผู้สูงอายุโรคความดันโลหิตสูง. พยาบาลสาร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 44(พิเศษ(2), 60–70. สืบค้น จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/cmunursing/article/view/169042

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย