พฤติกรรมการดูแลของบิดามารดาและปัจจัยที่เกี่ยวข้องในการป้องกัน การติดเชื้อทางเดินหายใจในเด็กโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด
คำสำคัญ:
พฤติกรรมการดูแลของบิดามารดา, ปัจจัยที่เกี่ยวข้องในการป้องกัน, การติดเชื้อทางเดินหายใจ, การป้องกันการติดเชื้อทางเดินหายใจ, เด็กโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดบทคัดย่อ
พฤติกรรมการดูแลของบิดามารดาที่เหมาะสม ช่วยทำให้เด็กโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดไม่มีภาวะแทรกซ้อน และได้รับการผ่าตัดหัวใจตามเวลาที่กำหนด การวิจัยเชิงพรรณนาแบบหาความสัมพันธ์ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมการดูแลในการป้องกันการติดเชื้อทางเดินหายใจในเด็กโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดของบิดามารดา และศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างความรู้ และสมรรถนะแห่งตนของบิดามารดากับความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลในการป้องกันการติดเชื้อทางเดินหายใจในเด็กโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดของบิดามารดา โดยใช้แนวคิดจากการทบทวนวรรณกรรมเป็นกรอบในการศึกษา กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วย บิดาหรือมารดาของเด็กอายุ 1 - 6 ปี ที่ได้รับการตรวจวินิจฉัยว่าเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดชนิดไม่เขียวที่รอผ่าตัดแก้ไขความผิดปกติ โดยมาติดตามการรักษาที่คลินิกโรคหัวใจ แผนกผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลตติยภูมิในเขตภาคเหนือ จำนวน 102 ราย โดยการคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจงเข้าตามเกณฑ์การคัดเลือกที่กำหนดไว้ ตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงเดือนมีนาคม พ.ศ. 2557 เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลได้แก่ แบบสอบถามข้อมูลทั่วไปของบิดาหรือมารดาและเด็กโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด แบบประเมินความรู้เกี่ยวกับการดูแลในการป้องกันการติดเชื้อทางเดินหายใจในเด็กโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดของบิดามารดา แบบสอบถามสมรรถนะแห่งตนเกี่ยวกับพฤติกรรมการดูแลในการป้องกันการติดเชื้อทางเดินหายใจในเด็กโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดของบิดามารดา แบบสอบถามพฤติกรรมการดูแลในการป้องกันการติดเชื้อทางเดินหายใจในเด็กโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดของบิดามารดา ข้อมูลผ่านการตรวจสอบค่าดัชนีความตรงของเนื้อหาเท่ากับ .92 .83 และ .93 ตามลำดับ และค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .78 .97 และ .89 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนา และสถิติความสัมพันธ์แบบสเปียร์แมน
ผลการศึกษาพบว่า
- พฤติกรรมการดูแลของกลุ่มตัวอย่างในการป้องกันการติดเชื้อทางเดินหายใจในเด็กโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด ทุกรายอยู่ในระดับมาก หากพิจารณาเป็นรายด้าน การดูแลการได้รับอาหารที่เหมาะสม การดูแลการได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน การดูแลการป้องกันการสัมผัสเชื้อจากผู้ที่มีการติดเชื้อทางเดินหายใจของกลุ่มตัวอย่างพบว่าทุกรายอยู่ในระดับมาก และการดูแลการได้รับยาเพื่อป้องกันภาวะหัวใจวายของกลุ่มตัวอย่างพบ ร้อยละ 98 อยู่ในระดับมาก
- ความรู้เกี่ยวกับการดูแลในการป้องกันการติดเชื้อทางเดินหายใจกับพฤติกรรมการดูแลของบิดามารดาในการป้องกันการติดเชื้อทางเดินหายใจในเด็กโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดมีความสัมพันธ์ทางบวกในระดับปานกลางอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r = .367, p < .001) และสมรรถนะแห่งตนกับพฤติกรรมการดูแลของบิดามารดาในการป้องกันการติดเชื้อทางเดินหายใจในเด็กโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดมีความสัมพันธ์ทางบวกในระดับปานกลางอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r = .658, p < .001)
ผลการวิจัยช่วยให้พยาบาลมีความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมการดูแลของบิดามารดาในการป้องกันการติดเชื้อทางเดินหายใจในเด็กโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดมากขึ้น และควรส่งเสริมให้บิดามารดามีความรู้และสมรรถนะแห่งตนในการดูแลในการป้องกันการติดเชื้อทางเดินหายใจในเด็กโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด
เอกสารอ้างอิง
Katunyuwong, P. (2012). Treatment of heart failure by medication. In Sirijongkolthong, B., Durongpisitkul, K., Wijansorn, C., Withedsonthi, K., Panamoltha, M., Kengsakul, A., & Roymanee, S (Ed.), Pediatric cardiology (pp 407-422). Bangkok: AI group press.
Keawwichit, N., & Thachin, K. (2007). Knowledge and the parental role in caring for children with heart disease. Songkla University. Songkla Med J, 25(4), 273-282. (In Thai)
Khongsricharoen, K., Kanachaichot, J., Jarujareet, A., Nedkeaw, P., Luntha, P., & Kabkeaw, P. (2002). Knowledge and behavior of parents in oral health care of congenital heart disease patients receiving treatment at Maharaj Nakorn Chiang Mai Hospital. Chiang Mai Dental Journal, 46(4), 67-74. (In Thai)
Khongpatthanayothin, A. (2009). Congestive heart failure. In Khongpatthanayothin, A., & Makornpong, P (Ed.), Heart crisis in children (pp 327-348). Bangkok: Amarin printing & publishing.
Kirawitthaya, T., & Roymanee, S. (2012). Congenital heart disease increased to lung type. In Sirijongkolthong, B., Durongpisitkul, K., Wijansorn, C., Withedsonthi, K., Panamoltha, M., Kengsakul, A., & Roymanee, S (Ed.), Pediatric cardiology (pp. 407-422). Bangkok: AI group press.
Pornwilawam, S. (2012). Congenital heart surgery. In Sirijongkolthong, B., Durongpisitkul, K., Wijansorn, C., Withedsonthi, K., Panamoltha, M., Kengsakul, A., & Roymanee, S (Ed.), Pediatric cardiology (pp 453-494). Bangkok: AI group press.
Tangpukdee, J. (2004). Quality of life of school – age children with congenital heart disease. Thesis Master of Nursing Science (Pediatric Nursing), Graduate School, Khon Kaen University. (In Thai)
Wongsuriya, J. (2008). Knowledge and practices in caring for children with respiratory tract infection among parents in maesariang Hospital, Mae Hong Son Province. Thesis Master of Nursing Science (Pediatric Nursing), Graduate School, Chiang Mai University. (In Thai)
American Heart Association. (2009). Children with Congenital Cardiovascular. Circulation, 92, 2764-2784.
Brien, P. O., & Baker, A. L. (2009). The child with cardiovascular dysfunction. In Hockenberry, M. J., & Wilson, D (Ed.). Wong’s essentials of pediatric nursing (pp 861–910). St. Louis: Mosby.
Fixler, D. E. (1996). Respiratory syncytial virus infection in children with congenital heart. Pediatric Cardiology, 17, 163-168.
GaZit, A. Z., Huddleston, C. B., Checchia, P. A., Fehr, J., & Pezzella, A. T. (2010). Care of the Pediatric Cardiac Surgery Patient. Current Problems in Surgery, 47(3), 185-250.
Healy, F., Hann, B. D., & Zinman, R. (2011). Pulmonary complication of congenital heart disease. Pediatric Respiratory Reviews, 13(1), 10-15.
Kafetzis, D. A. (2004). Prophylaxis therapy and prevention of viral respiratory infection. Pediatric Respiratory Reviews, 5, 185-189.
Uzark, K., & Jones, K. (2003). Parenting stress and children with heart disease. Journal of Pediatric Health Care, 17(4), 163-168.
Wilson, D. (2009). The child with respiratory dysfunction. In Hockenberry, M. J., & Wilson, D. (Eds.), Essentials pediatric nursing. St. Louis: Mosby.
Woodward, C. S. (2011). Keeping children with congenital heart disease healthy. The national Association of Pediatric Nurse Practitioners, 25, 373-378. doi: 10.1016/j.pedhc.2011.03.007
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารพยาบาลสาร
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใด ๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
