การพัฒนาสื่อวีดิทัศน์ในการป้องกันการติดเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพหลายขนานสำหรับผู้ป่วย
คำสำคัญ:
การพัฒนา, สื่อวีดิทัศน์, การป้องกัน, เชื้อดื้อยาต้านจุลชีพหลายขนาน, ผู้ป่วยบทคัดย่อ
การติดเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพหลายขนานกำลังเป็นปัญหาด้านสาธารณสุขในระดับนานาชาติ ผู้ป่วยเป็นผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงในหลาย ๆ ด้านที่จะส่งผลให้เกิดการติดเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพหลายขนาน การให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพหลายขนานแก่ผู้ป่วยจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง การวิจัยเชิงพัฒนานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาสื่อวีดิทัศน์ในการป้องกันการติดเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพหลายขนานสำหรับผู้ป่วย กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง จังหวัดกรุงเทพมหานคร จำนวน 42 คน ดำเนินการวิจัยตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2561 ถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2562 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ครั้งนี้ ได้แก่ แผนการออกแบบและพัฒนาสื่อวีดิทัศน์ แบบสอบถามความคิดเห็นต่อสื่อวีดิทัศน์ แบบสอบถามข้อมูลทั่วไปของกลุ่มตัวอย่าง แบบวัดความรู้ในการป้องกันการติดเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพหลายขนาน และแบบสอบถามความพึงพอใจของผู้ป่วยต่อสื่อวีดิทัศน์ ซึ่งผ่านการตรวจสอบจากผู้ทรงคุณวุฒิด้านเนื้อหาจำนวน 6 ท่าน และผู้ทรงคุณวุฒิด้านสื่อจำนวน 3 ท่าน โดยแบบวัดความรู้ในการป้องกันการติดเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพหลายขนานและแบบสอบถามความพึงพอใจของผู้ป่วยต่อสื่อวีดิทัศน์มีค่าดัชนีความตรงตามเนื้อหาเท่ากับ.96 และ 1.00 ตามลำดับ และมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .72 และ .91 ตามลำดับ ประเมินประสิทธิภาพของสื่อวีดิทัศน์โดยการนำไปทดสอบแบบหนึ่งต่อหนึ่ง แบบกลุ่มย่อย และแบบภาคสนาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยสถิติเชิงพรรณนา
ผลการวิจัยพบว่าสื่อวีดิทัศน์ในการป้องกันการติดเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพหลายขนานสำหรับผู้ป่วย มี 2 ตอน คือ ตอนที่ 1 การติดเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพหลายขนานในผู้ป่วย ประกอบด้วยเนื้อหาเกี่ยวกับ ความหมายของเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพหลายขนาน ปัจจัยที่ทำให้เกิดการติดเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพหลายขนานในผู้ป่วย ผลกระทบจากการติดเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพหลายขนานในผู้ป่วย และวิถีทางการได้รับเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพหลายขนานเข้าสู่ร่างกาย ตอนที่ 2 การปฏิบัติในป้องกันการติดเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพหลายขนานสำหรับผู้ป่วย ผลการประเมินประสิทธิภาพของสื่อวีดิทัศน์ในการป้องกันการติดเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพหลายขนานสำหรับผู้ป่วย มีประสิทธิภาพเท่ากับ 1.21 ซึ่งผ่านเกณฑ์มาตรฐานของเมกุยแกนส์ที่กำหนดค่าไว้ให้มากกว่า 1.00 โดยกลุ่มตัวอย่างมีความพึงพอใจต่อสื่อวีดิทัศน์ในการป้องกันการติดเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพหลายขนานในระดับมากที่สุดทั้งในด้านเนื้อหา (4.30-4.83) ด้านการออกแบบและนำเสนอ (4.57-4.77) และด้านประโยชน์ที่ได้รับ (4.87-4.90)
ผลการศึกษานี้แสดงให้เห็นว่าสื่อวีดิทัศน์ในการป้องกันการติดเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพหลายขนานสำหรับผู้ป่วยมีประสิทธิภาพในการนำไปให้ความรู้แก่ผู้ป่วย และควรนำไปเผยแพร่ให้แก่ผู้ป่วยที่มารับบริการในโรงพยาบาล เพื่อให้ผู้ป่วยมีความรู้เกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพหลายขนานมากขึ้น นำไปสู่การปฏิบัติในป้องกันการติดเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพหลายขนานได้อย่างถูกต้องต่อไป
เอกสารอ้างอิง
Alessi, S. M., & Trollip, S. R. (1991). Computer based instruction: Methods and development (2nd ed.). New Jersey: Prentice Hall.
Baig, K., Din, S. M. S., Elkhizzi, N. A., & AlNakhli, D. J. (2015). Incidence of hospital acquired multidrug resistant organisms in a tertiary care facility. Journal of Infectious Diseases and Epidemiology, 1, 4.
Bastable, S. B. (2014). Nurse as education principles of teaching and learning for nursing practice (4th ed.). Massachusetts: Jones and Bartlett.
Centers for Disease Control and Prevention. (2017). Antibiotic/antimicrobial resistance. Retrieve from https://www.cdc.gov/drugresistance/index.html
Dhar, S., Marchaim, D., Tansek, R., Chopra, T., Yousuf, A., Bhargava, A., . . . Hingwe, A. (2014). Contact precautions more is not necessarily better. Infection Control and Hospital Epidemiology, 35(3), 213-221. doi:10.1086/675294
Gagne, R. (1985). The conditions of learning (4th Ed.). New York: Holt, Rinehart.
Ketphak, N., Picheansathian, W., & Klunklin, A. (2011). Effects of information provision using video media on patients’ knowledge and practices in prevention of nosocomial infection. Nursing Journal, 38(3), 98-109. (in Thai)
Knowles, M. S., Holton, E. F., & Swanson, R. A. (2005). Adult learner: The definitive classic in adult education and human resource development (6th ed.). Boston: Elsebier.
National Antimicrobial Resistance Surveillance Center Thailand. (2013). Antibiotic resistance in Thailand. (in Thai) Retrieved from http://narst.dmsc.moph.go.th/news001.html
Nuansakul, W. (2008). Video production process. Ubon Ratchathani: Office of academic resources Ubon Ratchathani University. (in Thai)
Ottum, A. (2013). Engaging patients in the prevention of health care-associated infections: A survey of patients’ awareness, knowledge, and perceptions regarding the risks and consequences of infection with methicillin-resistant Staphylococcus Aureus and Clostridium Difficile. American Journal of Infection Control, 41(4), 322-326.
Pholdee, N. (2018). Development of video media for preventing infections in cancer patients. Thesis Master of Nursing Science (Nursing Care for Patient with Infectious Disease and Infection Control), Graduate School, Chiang Mai University. (in Thai)
Tariyo, S. (2016). Knowledge, attitude and practice of hand hygiene among hospitalized patients. Thesis Master of Nursing Science (Nursing Care for Patient with Infectious Disease and Infection Control), Graduate School, Chiang Mai University. (in Thai)
Tiantong, M. (2005). Design and development of software for computer lessons. (2nded.). Bangkok: King Mongkut's Institute of Technology North Bangkok. (in Thai)
Utamachun, W. (2001). Television and computer media production. (2nded.). Bangkok: OS Printing House.
Viseskul, N. (2019). Development of media in nursing: Concepts and applications. Chiang Mai: Chotana Print. (in Thai)
World Health Organization. (2014). Antimicrobial resistance: Global report on surveillance. Retrieved from apps.who.int/iris/bitstream/10665/112642/1/9789241564748_eng.pdf
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารพยาบาลสาร
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใด ๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว