ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติของพยาบาลในการส่งเสริมการดูแลของมารดา เพื่อส่งเสริมพัฒนาการระบบประสาทของทารกเกิดก่อนกำหนด
คำสำคัญ:
การปฏิบัติของพยาบาล, การส่งเสริมการดูแลของมารดา, ส่งเสริมพัฒนาการระบบประสาท, ทารกเกิดก่อนกำหนด, ปัจจัยที่เกี่ยวข้องบทคัดย่อ
การปฏิบัติของพยาบาลในการส่งเสริมการดูแลทารกของมารดา มีเป้าหมายสำคัญเพื่อลดผลกระทบต่อพัฒนาการทางระบบประสาทที่อาจผิดปกติ ส่งเสริมพัฒนาการระบบประสาทของทารกเกิดก่อนกำหนดให้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและเหมาะสม การศึกษานี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนาหาความสัมพันธ์ มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความรู้ ทัศนคติ และการปฏิบัติของพยาบาลในการส่งเสริมการดูแลของมารดาเพื่อส่งเสริมพัฒนาการระบบประสาทของทารกเกิดก่อนกำหนด กลุ่มตัวอย่างเป็นพยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติการพยาบาลในหออภิบาลทารกแรกเกิดของโรงพยาบาลระดับตติยภูมิในเขตภาคเหนือ 6 แห่ง คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง จำนวน 103 คน ระยะเวลาการเก็บรวบรวมข้อมูล ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2562 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย (1) แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคลของพยาบาล (2) แบบสอบถามการปฏิบัติของพยาบาลในการส่งเสริมการดูแลของมารดาเพื่อส่งเสริมพัฒนาการระบบประสาทของทารกเกิดก่อนกำหนด และ (3) แบบสอบถามปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติของพยาบาลในการส่งเสริมการดูแลของมารดา เพื่อส่งเสริมพัฒนาการระบบประสาทของทารกเกิดก่อนกำหนด วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของสเปียร์แมน
ผลการศึกษาพบว่า
- พยาบาลมีความรู้ในการส่งเสริมการดูแลของมารดาเพื่อส่งเสริมพัฒนาการระบบประสาทของทารกเกิดก่อนกำหนดอยู่ในระดับสูง คิดเป็นร้อยละ 98.10
- พยาบาลมีทัศนคติที่ดีในการส่งเสริมการดูแลของมารดาเพื่อส่งเสริมพัฒนาการระบบประสาทของทารกเกิดก่อนกำหนดอยู่ในระดับสูง คิดเป็นร้อยละ 86.40
- พยาบาลมีการปฏิบัติในการส่งเสริมการดูแลของมารดาเพื่อส่งเสริมพัฒนาการระบบประสาทของทารกเกิดก่อนกำหนดอยู่ในระดับสูง คิดเป็นร้อยละ 44.70
- ความรู้มีความสัมพันธ์ทางบวกในระดับต่ำกับการปฏิบัติของพยาบาลในการส่งเสริมการดูแลของมารดาเพื่อส่งเสริมพัฒนาการระบบประสาทของทารกเกิดก่อนกำหนดอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r = 0.25, p < .01) ทัศนคติมีความสัมพันธ์ทางบวกในระดับปานกลางกับการปฏิบัติของพยาบาล ในการส่งเสริมการดูแลของมารดาเพื่อส่งเสริมพัฒนาการระบบประสาทของทารกเกิดก่อนกำหนดอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r = 0.32, p < .01)
ผลการศึกษาครั้งนี้ ทำให้ได้ข้อมูลพื้นฐานในการส่งเสริมความรู้และทัศนคติที่ดีของพยาบาล เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติของพยาบาลในการส่งเสริมการดูแลของมารดาเพื่อส่งเสริมพัฒนาการระบบประสาทของทารกเกิดก่อนกำหนดที่มีประสิทธิภาพต่อไป
เอกสารอ้างอิง
Altimier, L., & Phillip, R. M. (2016). The neonatal integrative developmental care model:Advanced clinical applications of the seven core measures for neuroprotective family-centered developmental care. Newborn & Infant Nursing Reviews, 16(4), 230-244.
Apichutboonchock, S. (2013). Parents, participation on their preterm development support in neonatal intensive care unit. Vajira Medical Journal, 57(1), 65-72. (in Thai)
Baghlani, R., Mohammad-Bagher, H., Safaiyan, A., Alizadeh, M., & Arshadi- Bostanabad, M. (2019). Neonatal intensive care unit nurses’ perceptions and knowledge of newborn individualized developmental care and assessment program: A multicenter study. Iranian Journal of Nursing and Midwifery Research, 24(2), 113-117. doi: 10.4103/ijnmr. IJNMR_54_18
Blencowe, H., Cousens, S., Oestergaard, M. Z., Chou, D., Moller, A. B., Narwal, R., . . . Lawn, J. E. (2012). National, regional and worldwide estimates of preterm birth rates in the year 2010 with time trends for selected countries since 1990: A systematic analysis and implications. The Lancet, 379(9832), 2162-2172. doi: 10.1016/S0140-6736(12)60820-4
Bloom, B. S. (1975). Taxonomy of educational objectives: the classification of educational goals: handbook 1: Cognitive domain (20th ed.). New York: NY, David McKay.
Browne, J. V. (2011). Developmental care for high-risk newborns: Emerging science, clinical application, and continuity from newborn intensive care unit to community.
Clinics in Perinatology, 38(4), 719-729. doi: 10.1016/j.clp.2011.08.003
Burns, N., & Grove, S. K. (2009). The practice of nursing research: appraisal, synthesis, and generation of evidence (6th ed.). St. Louis: Saunders Elsevier.
Capolingua, M., & Jill, F. J. (2018). Neonatal nurses’ self-reported practices, knowledge and attitudes toward premature infant pain assessment and management. Journal of Neonatal Nursing, 24(4), 218-224. doi: 10.1016/j.jnn.2018.03.002
Holditch-Davis, D., & Blackburn, S.T. (2014). Neurobehavioral development. In C. Kenner & J. Lott (Eds.), Comprehensive neonatal nursing care (5th ed., pp. 689-721). New York: Spring Publishing Company.
Khantawongsa, K., Urharmnuay, M., & Klunklin, P. (2017). Factors related to kangaroo mother care promotion for preterm infants, Nursing Journal, 44(1). 22-33. (in Thai)
Kim, J., & Shin, H. (2014). Concept analysis of developmental care for preterm infants: Hybrid model. Child Health Nursing Research, 20(4), 350–358. doi: 10.4094/chnr. 2014.20.4.350
Liu, L., Oza, S., Hogan, D., Chu, Y., Perin, J., . . . Zhu, J. (2016). Global, regional, and national causes of under-5 mortality in 2000-15: An updated systematic analysis with implications for the sustainable development goals. The Lancet, 388(10063), 3027-3035. doi: 10.1016/S0140-6736(16)31593-8
Matayaboon, D., Klunklin, P., & Urharmnuay, M. (2016), Practices of Nurses and Related Factors on Developmental Care for Preterm Infants. Nursing Journal, 43(4).1-11. (in Thai)
Mosqueda, R., Castilla, Y., Perapoch, J., De la Cruz, J., López-Maestro, M., & Pallás, C. (2013). Staff perceptions on newborn individualized developmental care and assessment program (NIDCAP) during its implementation in two Spanish neonatal unit. Early Human
Development, 89, 27-33. doi: 10.1015/j.earlhumdev.2012.07.013
Park, J., & Kim, J. (2019). Factors Influencing Developmental Care Practice Among Neonatal Intensive Care Unit Nurses. Journal of Pediatric Nursing, 47, 10-15. doi: 10.1016/j.pedn.2019.03.014
Srisatidnarakul, B. (2010). The methodology in nursing research. Bangkok: Youandi intermedia.
Thampanichawat, W., (2016). (Eds.)., Developmental care for preterm infants. In
Thampanichawat, W., Rungamornrat, S., & Payakkaraung, S, nursing care for high risk Neonates (pp. 51-73). Bangkok: Faculty of Nursing, Mahidol University. (In Thai)
World Health Organization. (2018). Preterm Birth. Retrived from https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/preterm-birth
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารพยาบาลสาร
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใด ๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
