ประสิทธิผลของการใช้แนวปฏิบัติการจัดการทางการพยาบาลสำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 โรงพยาบาลปง จังหวัดพะเยา
คำสำคัญ:
แนวปฏิบัติการจัดการทางการพยาบาล, ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2บทคัดย่อ
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 มีความสำคัญ เพื่อป้องกันและชะลอการเกิดภาวะแทรกซ้อน การศึกษาปฏิบัติการ (operations study) นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสิทธิผลของการใช้แนวปฏิบัติการจัดการทางการพยาบาลสำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 โรงพยาบาลปง จังหวัดพะเยา กลุ่มตัวอย่างในการศึกษานี้คือ ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มารับบริการที่คลินิกเบาหวาน โรงพยาบาลปง จังหวัดพะเยา ก่อนมีการใช้แนวปฏิบัติ จำนวน 66 คน และหลังมีการใช้แนวปฏิบัติจำนวน 58 คน กระบวนการใช้แนวปฏิบัติอ้างอิงจากกรอบแนวคิดที่เสนอโดยสภาวิจัยด้านสุขภาพและการแพทย์แห่งชาติ ประเทศออสเตรเลีย (NHMRC, 1999, 2000) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย 1) แบบบันทึกข้อมูลส่วนบุคคล 2) แนวปฏิบัติการจัดการทางการพยาบาลสำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ชนิดที่ 2 3) คู่มือประกอบการสอนสุขศึกษาแก่ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน 4) แบบสัมภาษณ์ความรู้เรื่องการดูแลตนเองเพื่อควบคุมระดับน้ำตาล 5)แบบสัมภาษณ์การดูแลตนเองของผู้ป่วยเบาหวานชนิดไม่พึ่งอินซูลิน และ 6) เครื่องวิเคราะห์ระดับน้ำตาลในเลือดแบบอัตโนมัติ ยี่ห้อมินเดรย์ รุ่นบีเอส400 (MINDRAY รุ่นBS-400) เครื่องมือที่ใช้ผ่านการตรวจสอบความตรงตามเนื้อหาและความเชื่อมั่นแล้ว วิเคราะห์ข้อมูลผลลัพธ์ด้านความรู้เกี่ยวกับการดูแลตนเอง พฤติกรรมการดูแลตนเอง และระดับน้ำตาลในเลือด โดยใช้สถิติเชิงพรรณนา
ผลการศึกษาพบว่า
- ระดับความรู้เกี่ยวกับการดูแลตนเองในระดับดีพบในกลุ่มก่อนการใช้แนวปฏิบัติ
ร้อยละ 37.88 และกลุ่มหลังการใช้แนวปฏิบัติ ร้อยละ 70.69 - ระดับพฤติกรรมการดูแลตนเองในระดับดี พบ ในกลุ่มก่อนการใช้แนวปฏิบัติ
ร้อยละ 21.21 และกลุ่มหลังการใช้แนวปฏิบัติ ร้อยละ 79.31 - กลุ่มตัวอย่างที่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ พบในกลุ่มก่อนการใช้แนวปฏิบัติ
ร้อยละ 24.24 และกลุ่มหลังการใช้แนวปฏิบัติ ร้อยละ 67.24
ผลการศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า การใช้แนวปฏิบัติสามารถช่วยให้การควบคุมโรคเบาหวาน
ดีขึ้น ดังนั้นควรเสนอแก่ทีมผู้บริหารเพื่อส่งเสริมให้มีการนำแนวปฏิบัตินี้มาใช้อย่างต่อเนื่องต่อไป
เอกสารอ้างอิง
American Diabetes Association. (2012). Standard of medical care in diabetes-2012. Diabetes Care, 35 (Suppl.1), s11-s63. doi:10.2337/dc12-s011
Benchasuratwong, Y., & Kanjanavanich, K. (2008). General knowledge about diabetes (4th ed.). Bangkok: Graphic 1 Advertising. (In Thai)
Bureau of Non-Communicable Diseases Department of Disease Contr ol. (2011). Data and statistics.Retrieved from http://www.thaincd.com/ information-statistic/li nks.php. (In Thai)
Chaichanan, V., Udomvong, N., & Suthagorn, W. (2009). Health problems and health needs of diabetic patients at Saghaban Health Center, Doi Saket District, Chiang Mai Province(Independent Study, Chiangmai University). (In Thai)
Jamrus, C., Soivong, P., & Nantachaipan, P. (2012). Effectiveness of implementing nursing management guidelines for persons with diabetes type 2, Phrae hospital (Master’s thesis, Chiangmai University). (In Thai)
Khongruangrat, Y., Vannari, T., & Lukkahata, N. (2012). Effect of Fawn Mor Lum Klorn Exercise on hemoglobin A1C level among persons with type 2 diabetes. Nursing Journal, 39 (3), 105-116. (In Thai)
Munden, J. (2007). Diabetes mellitus: A guide to patient care. Philadelphia: Lippincott Williams & Wklkins.
Pong Hospital, Medical Record Unit. (2012). Annual statistics report. Phayao: Medical Record Job, Pong Hospital. (In Thai)
Oba, N.. (2012). Health promotion and diabetes prevention. Phitsanulok: Faculty of Nursing, Naresuan University. (In Thai)
Ministry of Public Health, Office of Policy and Strategy Office of the Permanent Secretary. (2012).Public health statistics. Retrieved from http://bps.ops.moph.go.th/Healthinformation/index2.htm. (In Thai)
Sansingchai, C., Soivong, P., & Upalabut, S. (2007). Factors associated with glycemic control among persons with uncontrolled diabetes mellitus in Maetha Hospital Lamphun Province (Master’s thesis, Chiangmai University). (In Thai)
Suttisarn, P., Pattanaporn, K., & Chittaisong, C. (2007). Depression and context of life of diabetes mellitus patients in diabetes mellitus clinic, Nong Khai hospital (Master’s thesis, Chiangmai University). (In Thai)
World Health Organization. (2012). Diabetes. Retrieved from http://www.who.int/mediacentre/ factsheets/fs312/en/
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารพยาบาลสาร
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใด ๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว