การพัฒนาคุณภาพการรับส่งเวรทางการพยาบาล หอผู้ป่วยหนักศัลยกรรม โรงพยาบาลอุตรดิตถ์

ผู้แต่ง

  • ลัดดา มีจันทร์ พยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลอุตรดิตถ์
  • อภิรดี นันท์ศุภวัฒน์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  • เพชรสุนีย์ ทั้งเจริญกุล ผู้ช่วยศาสตราจารย์ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

คำสำคัญ:

การรับส่งเวรทางการพยาบาล, การพัฒนาคุณภาพการรับส่งเวรทางการพยาบาล, ผู้ป่วยหนักศัลยกรรม

บทคัดย่อ

การรับส่งเวรทางการพยาบาลเป็นวิธีการสื่อสารข้อมูลสำคัญของผู้ป่วยจากพยาบาลเวรหนึ่งไปยังพยาบาลเวรถัดไป เพื่อให้เกิดคุณภาพในการดูแลที่ต่อเนื่อง และผู้ป่วยปลอดภัย การศึกษาเชิงพัฒนานี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาคุณภาพการรับส่งเวรทางการพยาบาล หอผู้ป่วยหนักศัลยกรรม โรงพยาบาลอุตรดิตถ์  โดยใช้กระบวนการพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง โฟกัสพีดีซีเอ ของ Deming (1993) อ้างใน McLaughlin & Kaluzny (1999) ซึ่งประกอบด้วย 9 ขั้นตอน ได้แก่ ค้นหากระบวนการปรับปรุงคุณภาพ  สร้างทีมงานที่มีความรู้เกี่ยวกับกระบวนการ ทำความเข้าใจในกระบวนการที่จะปรับปรุง ทำความเข้าใจสาเหตุของความแปรปรวนในกระบวนการ เลือกกระบวนการที่ต้องการปรับปรุง วางแผนการปรับปรุง นำแผนสู่การปฏิบัติ ตรวจสอบการปฏิบัติ ยืนยันการดำเนินการและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ประชากรในการศึกษาครั้งนี้ คือ พยาบาลวิชาชีพจำนวน 13 คน  เครื่องมือที่ใช้ดำเนินการศึกษาได้แก่ แนวคำถามในการประชุมกลุ่ม แบบสังเกตการปฏิบัติของทีมผู้ปฏิบัติตามแนวทางการรับส่งเวรทางการพยาบาล  แบบสอบถามความพึงพอใจ ปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะในการพัฒนาคุณภาพการรับส่งเวรทางการพยาบาลในอนาคต และแบบบันทึกอุบัติการณ์ที่เกิดจากการรับส่งเวรทางการพยาบาล วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพรรณนา และการวิเคราะห์เนื้อหา

            ผลการศึกษาพบว่า ภายหลังใช้กระบวนการพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง โฟกัสพีดีซีเอ และเทคนิคการสื่อสารแบบ SBAR ทีมผู้ปฏิบัติสามารถปฏิบัติการรับส่งเวรทางการพยาบาลได้ถูกต้องครบถ้วน มากกว่าร้อยละ 96 และไม่พบอุบัติการณ์จากการรับส่งเวร ทีมผู้ปฏิบัติทุกคนมีความพึงพอใจต่อแนวทางรับส่งเวรทางการพยาบาล เนื่องจากมีกระบวนการชัดเจน ได้ประเด็นสำคัญ และกระชับเวลา มีหลักฐานการส่งต่อข้อมูลการดูแลผู้ป่วย ปัญหา อุปสรรคและข้อเสนอแนะในการพัฒนาคุณภาพการรับส่งเวรทางการพยาบาลในอนาคต คือ ทีมผู้ปฏิบัติยังมีการส่งประเด็นปัญหา หรือความเสี่ยงของผู้ป่วยยังไม่ครอบคลุม ผู้ส่งเวรบางคนยังศึกษาข้อมูลไม่ครอบคลุมก่อนส่งเวร และผู้รับเวรบางคนยังขาดการตรวจเยี่ยมประเมินผู้ป่วยก่อนรับเวร

          ผลที่ได้จากการศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า การปรับปรุงการรายงานข้อมูลผู้ป่วยระหว่างเปลี่ยนเวรพยาบาลที่พัฒนาขึ้น ทำให้เกิดวัฒนธรรมการรับส่งเวรที่ดี มีมาตรฐานการปฏิบัติร่วมกัน เกิดประโยชน์ต่อพยาบาลผู้ปฏิบัติและเกิดผลลัพธ์ที่ดีต่อผู้ป่วย ผู้บริหารทางการพยาบาลสามารถนำแนวทางดังกล่าว ไปพัฒนาคุณภาพการรับส่งเวรทางการพยาบาลในหน่วยงานอื่นต่อไป

เอกสารอ้างอิง

Chirathamkun, S. (2009). Question and answer for ward management. Bangkok: Hayabusa Graphic. (In Thai)

Ibrahim, M. A. (2014). Improving Nursing Handoff process in the Cardiovascular Intensi ve Careunit. Retrieved from http://www.epubs.rcsi.ie/cgi/viewcontent.cgi?article=1030&context=m -scttheses (In Thai)

McLaunghlin, C. P., & Kaluzny, A. D. (1999). Continuous quality improvement in health care: Theory, implementation, and application. Maryland: Aspen.

Nursing Department Uttaradit Hospital (2016). Nursing practice report Surgical Intensive CareUnit. Uttaradit: Uttaradit Hospital. (In Thai)

Poompichet, E., & Permpikul, C. (Eds.). (2009). Critical care towards optimal perfection. Bangkok: Beyond Enterprise.

Saenprasan, P., Kalangkun, R., Fongphet, A., Sawadiwattanakul, S., & Pongkiatichai, R. (2006).Nursing management for safety. (3rd ed.). Bangkok: Sukhumvit. Printing. (In Thai)

Satapornpat, P. (2010). Development of a Nursing Handover Model in Surgical Sub Intensive Care Unit 2, Maharaj Nakorn Chiang Mai Hospital (Independent Study, Chiangmai University). (In Thai)

Sathavorn, D. (2011). Patient Safety in the ICU. Bangkok: Beyond Enterprise. (In Thai)

Smeulers, M., Lucas, C., & Vermeulen, H. (2014). Effectiveness of different nursing handover styles for ensuring continuity of information in hospitalised p atients. Cochrane Database of Systematic Reviews, 24(6), 1-30.

Suwannasuan, W., Thungjaroenkul, P., & Chitpakdee, B. (2016). Quality Improvement of Nursing Documentation in Nakornping Hospital, Chiang Mai Province. Nursing Journal, 43 (3), 128-136. (In Thai)

Suphachuthikun, A. (2000). The Path to Quality Hospital: A Workshop for Learning Manual.Bangkok: Design Co., Ltd. (In Thai)

Tucker, A., & Fox, P. (2014). Evaluate nursing handover: The REED model. Nursing Standard, 28 (20), 44-48. doi:10.7748/ns2014.01.28.20.44.e7992

Utane, M. (2015). Quality Improvement of Nursing Handover in Surgical Male Ward 2, Maharaj Nakorn Chiang Mai Hospital (Independent Study, Chiangmai University). (In Thai)

Uttaradit Hospital Quality Center. (2016). Report of risk incidence Surgical Intensive Care Unit.Uttaradit: Uttaradit Hospital. (In Thai)

World Health Organization [WHO]. (2007). Communication during patient handovers. Retrieved from http://www.ccforpatientsafety.org/common/pdfs/fpdf/presskit/PS-Solution3.pdf

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2020-05-14

รูปแบบการอ้างอิง

มีจันทร์ ล. ., นันท์ศุภวัฒน์ อ., & ทั้งเจริญกุล เ. (2020). การพัฒนาคุณภาพการรับส่งเวรทางการพยาบาล หอผู้ป่วยหนักศัลยกรรม โรงพยาบาลอุตรดิตถ์. พยาบาลสาร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 47(2), 394–405. สืบค้น จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/cmunursing/article/view/241830

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย