ผลของโปรแกรมการออกกำลังกายด้วยการเต้นบาสโลบต่อระดับความดันโลหิตและดัชนีมวลกาย ในกลุ่มผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง

ผู้แต่ง

  • ยุพดี ทีปะลา พยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านตลิ่งสูง นครสวรรค์
  • ยุวยงค์ จันทรวิจิตร
  • รัตนชฎาวรรณ อยู่นาค ผู้ช่วยศาสตราจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ มหาลัยนเรศวร

คำสำคัญ:

โปรแกรมการออกกำลังกายด้วยการเต้นบาสโลบ, ระดับความดันโลหิต, ดัชนีมวลกาย, ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง

บทคัดย่อ

โรคความดันโลหิตสูงเป็นปัญหาที่สำคัญ ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร  การมีภาวะความดันโลหิตสูงนาน ๆ จะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน การออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอจะช่วยลดระดับความดันโลหิตได้ การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบกึ่งทดลอง เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมการออกกำลังกายด้วยการเต้นบาสโลบต่อระดับความดันโลหิตและดัชนีมวลกายในกลุ่มผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่มีดัชนีมวลกายเกินมีอายุ 30-60 ปี ระดับความดันโลหิตซีสโตลิก ระหว่าง 140-159 มิลลิเมตรปรอท และ/หรือความดันโลหิตไดแอสโตลิก ระหว่าง 90-99 มิลลิเมตรปรอท มีดัชนีมวลกายระหว่าง 23 ถึง 40 กิโลกรัมต่อตารางเมตร จำนวน 70 ราย แบ่งเป็นกลุ่มทดลอง 35 ราย และกลุ่มควบคุม 35 ราย กลุ่มทดลองออกกำลังกายด้วยการเต้นบาสโลบ ครั้งละ 50 นาที สัปดาห์ละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 12 สัปดาห์ ส่วนกลุ่มควบคุมให้การพยาบาลตามปกติ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทได้แก่ 1)เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ประกอบด้วย แบบบันทึกความดันโลหิตและดัชนีมวลกาย เครื่องวัดความดันโลหิต เครื่องชั่งน้ำหนัก ที่วัดส่วนสูง 2)เครื่องมือดำเนินงานวิจัย ประกอบด้วย โปรแกรมการออกกำลังกายด้วยการเต้นบาสโลบ โดยตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาจากผู้ทรงคุณวุฒิ 5 ท่าน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา Independent t-test และ Repeated measures one way ANOVA หลังสิ้นสุดการทดลอง กลุ่มทดลองมีจำนวน 27 คน และกลุ่มควบคุม 34 คน

ผลการวิจัย พบว่า

1) กลุ่มทดลองมีระดับความดันโลหิตซีสโตลิกและไดแอสโตลิกก่อนการทดลอง และหลังการทดลองสัปดาห์ที่ 4, 8 และหลังการทดลอง แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<.05)

2) กลุ่มทดลองมีดัชนีมวลกายก่อนการทดลอง และหลังการทดลองสัปดาห์ที่ 4, 8 และหลังการทดลอง ไม่แตกต่างกัน

3) หลังได้รับโปรแกรมการออกกำลังกายด้วยการเต้นบาสโลบ กลุ่มทดลองมีระดับความดันโลหิตซีสโตลิกและไดแอสโตลิกต่ำกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<.05)

4) หลังได้รับโปรแกรมการออกกำลังกายด้วยการเต้นบาสโลบ กลุ่มทดลองมีดัชนีมวลกายต่ำกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<.05)

ผลการศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าควรส่งเสริมการใช้โปรแกรมการออกกำลังกายด้วยการเต้นบาสโลบ เพื่อลดระดับความดันโลหิตและดัชนีมวลกายในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง

เอกสารอ้างอิง

Achananuphap, S. (2010). Textbook for treatment of 350 common diseases and care and prevention. Bangkok: Office of Villagers.

Division of communicable diseases. (2018). Campaign Message on the World Blood Pressure Day Year 2018. Retrieved from www.thaincd.com /document/file /info/non -communicabledisease/ประเด็นสารวันความดันโลหิตสูง_61.pdf. (In Thai)

Dongnok, S. (2015). Knowledge about obesity (1st ed.). Khon Kaen: Medical Health Promotion Unit, Srinagarind Hospital.

Ekkaphon, W. (2016). Report of the 5th Thai Health Survey by Physical Exam 2014. Bangkok: Division of Nursing, Department of Health. (In Thai)

Haradan, P. (2003). Industrial psychology. Bangkok: Suwiraya San.

Kanthachon, W. (2014). Comparison of Paslop Dance Exercise and Specific Abdominal Muscle Exercise on Balance and Strength of Core Muscles in Volunteers at Do not exercise regularly.Journal of Medical Technology, Chiang Mai, 47(3), 143-152. (In Thai)

Kitkuson, D. (2011). Exercise manual. Bangkok: Publisher of Villagers Doctor.

Khanthabut, N. (2012). Exercise for health. Retrieved from http://www. libarts. mju.ac. th/LibDocument/EBook/013.

Khuha, A. (2003). Motivation and emotion. Pattani: Pattani through the Technology Bureau of Science Service.

Leelayuwat, N. (2010). Physiology of exercise. Khon Kaen: Khon Kaen University Press.

Mae Wong Hospital and Ban Taling Sung Subdistrict Hospital, Medical Record and StatisticsReport (2017). Budget year 2017. n.p.

Namsri, P. (2009). Guide to general health care for workers. Bangkok: Pailin Publishing. (In Thai)

Nawitcharoen, R. (2010). High blood pressure (2nd ed.). Bangkok: Amarin Health.

Niamsawan, A., Oba, N., & Tansupaswastikul, S. (2012). Effects of aerobic exercise using Pong Langmusic on physical fitness and blood pressure levels in the elderly with hypertension. Journalof Nursing and Health, 6(2), 62-75. (In Thai)

Phanmung, N., Yoolertlob, A., & Sichit, S. (2019). Issues on Campaign for World Blood Pressure Day 2019. Retrieved from https://pr.moph.go.th/?url= pr/detail /2/07/ 127178/.

Phansaard, W. (2012). Aerobic dance. Bangkok: Assembly Printing House, Agricultural Cooperative of Thailand Limited.

Phonthawee, K. (2015). The effectiveness of weight loss program of public health volunteers. Luek Noi Subdistrict Luek District, Krabi. Province Journal of Khon Kaen University Community Health Development, 3(3), 427-440. (In Thai)

Simongthong, S., Tilaphat, J., Srikomut, Ch., Suphaphan, Ch., & Thawat, S. (2015). A study of the attitudes of daily life of people with the ability to look after themselves (Paslop) Exercise-Ex-ercise for health. Bangkok: Academic.

Sukonthasan, A. (2015). Guidelines for the treatment of hypertension in general practice. Retrieved from http: //www.thaihypertension.org/files/GL20HT202015.pdf.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2020-09-18

รูปแบบการอ้างอิง

ทีปะลา ย., จันทรวิจิตร ย., & อยู่นาค ร. . (2020). ผลของโปรแกรมการออกกำลังกายด้วยการเต้นบาสโลบต่อระดับความดันโลหิตและดัชนีมวลกาย ในกลุ่มผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง. พยาบาลสาร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 47(3), 109–121. สืบค้น จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/cmunursing/article/view/245749

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย