การพัฒนาแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนในการป้องกันการ ติดเชื้อสำหรับผู้ดูแลเด็กโรคมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด

ผู้แต่ง

  • ศิรินันท์ ยิ้มโกศล พยาบาลวิชาชีพ
  • วันชัย เลิศวัฒนวิลาศ รองศาสตราจารย์ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  • เอกรัฐ บุญเชียง รองศาสตราจารย์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  • วราภรณ์ บุญเชียง รองศาสตราจารย์ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

คำสำคัญ:

การพัฒนา, การป้องกันการติดเชื้อ, แอปพลิเคชัน, สมาร์ทโฟน, เด็กโรคมะเร็ง

บทคัดย่อ

การติดเชื้อในผู้ป่วยเด็กโรคมะเร็งเป็นปัญหาที่สำคัญทางสาธารณสุข ส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยและผู้ดูแล การมีแนวทางในการป้องกันการติดเชื้อจึงมีความสำคัญ การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพัฒนา มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนในการป้องกันการติดเชื้อสำหรับผู้ดูแลเด็กโรคมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษาคือผู้ดูแลเด็กโรคมะเร็งที่ได้รับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลตติยภูมิ 2 แห่ง จำนวน 37 ราย ระหว่างเดือน กรกฎาคม พ.ศ. 2560 ถึง เดือน สิงหาคม พ.ศ. 2560 ทำการพัฒนาโดยใช้ขั้นตอนในรูปแบบ SDLC (system development life cycle) มีกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นลำดับขั้นตอนในการพัฒนาระบบ ซึ่งประกอบไปด้วย 7 ขั้นตอน ดังนี้ 1) กำหนดปัญหา (problem definition) 2) การวิเคราะห์ (analysis) 3) การออกแบบ (design) 4) การพัฒนา (development) 5) การทดสอบ (testing) 6) การติดตั้ง (implementation) และ7) การบำรุงรักษา (maintenance)

          เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ประกอบด้วย แอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนในการป้องกันการติดเชื้อสำหรับผู้ดูแลเด็กโรคมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัดที่อยู่ในขั้นตอนการพัฒนา และแบบสอบถามความคิดเห็นของผู้ดูแลที่มีต่อแอปพลิเคชันซึ่งผ่านการตรวจสอบจากผู้ทรงคุณวุฒิ ได้ค่าดัชนีความตรงตามเนื้อหาเท่ากับ 0.86 และได้ค่าความเชื่อมั่นของเครื่องมือเท่ากับ 0.84 นำไปทดสอบแบบหนึ่งต่อหนึ่ง แบบกลุ่มย่อย และภาคสนาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา

  ผลการศึกษาพบว่า แอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนในการป้องกันการติดเชื้อสำหรับผู้ดูแลเด็กโรคมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัดที่พัฒนาขึ้นมีเนื้อหาประกอบไปด้วยการป้องกันการติดเชื้อในผู้ป่วยเด็กโรคมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัดในการดูแลขณะอยู่โรงพยาบาลเกี่ยวกับการดูแลเรื่องโภชนาการ การดูแลเรื่องสุขวิทยาส่วนบุคคล การดูแลเรื่องกิจกรรมและการพักผ่อน การดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อมและการดูแลขณะอยู่ที่บ้าน เกี่ยวกับการดูแลเรื่องโภชนาการ การดูแลเรื่องสุขวิทยาส่วนบุคคล การดูแลเรื่องกิจกรรมและการพักผ่อน การดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อม และคำแนะนำเรื่องอาการผิดปกติที่ต้องนำเด็กมาโรงพยาบาล กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีความคิดเห็นในระดับเห็นด้วยมากถึงมากที่สุด ทั้งในด้านเนื้อหา ด้านสี ด้านภาพประกอบ ด้านเสียงบรรยาย ด้านตัวอักษร ด้านวิธีการใช้งาน และด้านการติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ใช้งานและผู้ดูแลระบบ โดยกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 96.7 เห็นด้วยมากที่สุดว่าเนื้อหามีประโยชน์ สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้และภาพมีความตรงประเด็นสอดคล้องกับเนื้อหา กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 83.3 เห็นด้วยมากที่สุดว่าขั้นตอนการใช้งานง่าย สะดวกและคำอธิบายวิธีการใช้งานชัดเจน และกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 76.7 เห็นด้วยมากที่สุดว่าเนื้อหามีความเข้าใจง่าย

ผลการศึกษานี้แสดงให้เห็นว่าแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนในการป้องกันการติดเชื้อสำหรับผู้ดูแลเด็กโรคมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัดที่พัฒนาขึ้นสามารถใช้เป็นแนวทางสำหรับผู้ดูแลเด็กโรคมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัดจะนำไปใช้ในการปฏิบัติการป้องกันการติดเชื้อได้

เอกสารอ้างอิง

Arsand,E., Froisland,D.H.,& James T.(2012). Mobile Health Applications to Assist Patients with Diabetes: Lessons Learned and Design Implications. Journal of Diabetes Science and Technology,6(5),1197-1206.

Benites,C.A.,Cabrini,D.P.,& Passosh, E.,Saulo D.(2014). Acute respiratory viral infections in pediatric cancer patients undergoing chemotherapy. Journal of Pediatrics,90(4),370-376.

Eamsiriwong, O, (2012). Analyze and design of systems. Se-ed books: Bangkok.

Jinsupawong, P., Yenbuth, J., & Chumpirom, W. (2005). Needs of parents caring for cancer children. Nursing Journal, 32(3), 99-111.

Jones, K.R., Lekhak, N., & Kaewluang, N. (2014). Using mobile phones and short message serviceto deliver self-management interventions for chronic conditions: a meta review. Worldviews Evidence Based Nursing. 11(2), 81-8.

Nakornriab, S., Watthanakitkrailert, D., Wanittcha, W. (2018). Effect of mobile application on taking medication compliance among cerebrovascular patients, Journal of Nursing Science, 35(3),58-69.

Siegel, R. L., Miller, K. D., & Jemal, A. (2016). Cancer statistics, 2016. A Cancer Journal for Clinicians, 66(1), 7-30.

Sonkongdang, W., Seepan, K., Srimana, N. (2015). Factors affecting care behaviors among parents of cancer children undergoing chemotherapy. Nursing Journal, 42,94-106.

Trivaree, C., Saiwaew, A., Torjarus, K. (2012). Infection in pediatrics with cancer. Military Medical Journal, 65(4), 211-218.

Vawdrey, D. K., Wilcox, L. G., Collins, S. A., Bakken, S., Feiner, S., Boyer, A., & Restaino, S. (2011). A tablet computer application for patients to participate in their hospital care. Annals of Symposium, 2011, 1428-1435.

Wacharasin, J., Kittiya, R., & Cheewanon, N. (2018). Suffers among parents of cancerous pediatrics. Health Care and Nursing Journal, 35(3).78-88.
.
Wongtonglea, t., Oberdofer, P. (2008). Costs of treatment and care between infected and non-infected cancer children. Pediatrics Journal, 47(4), 252-261.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2020-09-18

รูปแบบการอ้างอิง

ยิ้มโกศล ศ. . . . ., เลิศวัฒนวิลาศ ว. . . . . ., บุญเชียง เ. . . . . . ., & บุญเชียง ว. . . . (2020). การพัฒนาแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนในการป้องกันการ ติดเชื้อสำหรับผู้ดูแลเด็กโรคมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด. พยาบาลสาร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 47(3), 192–203. สืบค้น จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/cmunursing/article/view/245763

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย