ผลของโปรแกรมการจัดการตนเองต่อพฤติกรรมสุขภาพของพนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
คำสำคัญ:
ผลของโปรแกรมการจัดการตนเอง, พนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย, พฤติกรรมสุขภาพ, ความดันโลหิตสูงบทคัดย่อ
โรคความดันโลหิตสูงเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิตก่อนวัยอันควรการจัดการตนเองเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพทำให้ลดความเสี่ยงของภาวะความดันโลหิตสูงได้ การศึกษากึ่งทดลองในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบคะแนนพฤติกรรมสุขภาพของพนักงานในกลุ่มที่ได้รับโปรแกรมก่อนและหลัง และเพื่อเปรียบเทียบคะแนนพฤติกรรมสุขภาพหลังได้รับโปรแกรมระหว่างกลุ่มที่ได้รับโปรแกรมกับกลุ่มที่ได้รับการดูแลตามปกติ กลุ่มตัวอย่างเป็นพนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยที่มีความเสี่ยงระดับความดันโลหิตสูง มีค่าดัชนีมวลกายมากกว่าหรือเท่ากับ 23 กก./เมตร2 จำนวน 46 ราย แบ่งเป็นกลุ่มทดลอง 23 ราย และกลุ่มควบคุม 23 ราย เครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินการได้แก่ 1) โปรแกรมการจัดการตนเองเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ผู้วิจัยสร้างขึ้นจากการทบทวนเกี่ยวกับการจัดการภาวะความดันโลหิตสูง ภายใต้กรอบแนวคิดของเครียร์ (2000) ประกอบด้วย 6 ขั้นตอน คือ ตั้งเป้าหมาย รวบรวมข้อมูล ประมวลข้อมูล การตัดสินใจ ลงมือปฏิบัติ และสะท้อนการปฏิบัติ 2) คู่มือสมุดบันทึกการปฏิบัติตัวเพื่อลดความเสี่ยงต่อภาวะความดันโลหิตสูง ใช้ระยะเวลาทั้งหมด 8 สัปดาห์ และเครื่องมือที่ใช้เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล ประกอบด้วย 1) แบบสอบถามข้อมูลทั่วไป 2) แบบบันทึกข้อมูลความดันโลหิตประเมินค่าดัชนีมวลกาย 3) แบบวัดพฤติกรรมสุขภาพซึ่งได้ผ่านการตรวจสอบความตรงตามเนื้อหาจากผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหมด จำนวน 3 ท่าน ได้ค่าความตรงของเนื้อหาของแบบวัดพฤติกรรมสุขภาพเท่ากับ 0.95 และค่าความเชื่อมั่นของแบบวัดพฤติกรรมสุขภาพ เท่ากับ 0.83 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณา การทดสอบค่าทีของกลุ่มตัวอย่างที่ไม่เป็นอิสระต่อกันในกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลองเปรียบเทียบคะแนนพฤติกรรมสุขภาพก่อนหลังและการทดสอบค่าทีระหว่างกลุ่มเทียบคะแนนหลังการทดลอง
ผลการศึกษาพบว่า
- หลังเข้าร่วมโปรแกรมคะแนนพฤติกรรมสุขภาพของพนักงานในกลุ่มที่ได้รับโปรแกรมหลังได้รับโปรแกรมมีคะแนนสูงกว่าก่อนได้รับโปรแกรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<.001)
- หลังได้รับโปรแกรมคะแนนพฤติกรรมสุขภาพของพนักงานในกลุ่มที่ได้รับโปรแกรมมีคะแนนสูงกว่ากลุ่มที่ได้รับการดูแลตามปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<.001)
จากผลการศึกษาสรุปได้ว่า ผลของโปรแกรมจัดการตนเองมีส่วนสำคัญที่ช่วยให้พนักงานมีพฤติกรรมสุขภาพที่ดีขึ้น ช่วยให้ลดความเสี่ยงของภาวะความดันโลหิตสูงได้ และสามารถ นำโปรแกรมไปประยุกค์ใช้กับการลดภาวะเสี่ยงในโรคเรื้อรังอื่นๆ ต่อไป
เอกสารอ้างอิง
Bodenheimer, T., Wagner, E. H., & Grumbach, K. (2002). Improving primary care for patients
with chronic illness. The Journal of the American Medical Association, 288.
Brown, V. A., Bartholomew, L. K. & Naik, A. D. (2007). Management of chronic hypertension in older men: An exploration of patient goal-setting. Patient Education & Counseling, 69(1-3), 93-9.
Bureau of Non-Communicable Diseases. (2016). Guideline to hypertension care. Bangkok: War
Veterans Organization of Thailand Under Royal Patronage of His Majesty the King.
(in Thai)
Bureau of Non-Communicable Diseases, Department of Disease Control. (2016). Campaign issues for hypertension day 2016. Retrieved from http://www.thaincd.com/document
/file/info/non-communicable-disease. (In Thai)
Burns, N., & Groove, S. K. (2009). The practice of nursing research: appraisal, synthesis, and generation of evidence. St. Louis: Saunders Elsevier.
Creer, L. T. (2000). Self-management of chronic illness: Handbook of self-regulation. California: Academic.
Curtin, R. B., Bultman Sitter, D. C., Schatell, D., & Chewning, B. A. (2004). Self-management, knowledge, and functioning and well-being of patients on hemodialysis. Nephrology Nursing Journal, 31(4), 378-386.
Jomphong, S. (2003). Effect of self-efficacy enhancement on health behaviors among
hypertensive patients. Journal of Nurse Science, 29(4), 1-7. (in Thai)
Office of the Permanent Secretary, Ministry of Public Health (2015). Strategic plan for good health, Thai way of life 2011-2020. Retrieved from http://ops.moph.go.th/public/
index.php/policy_plan.
Phongtiwaphan, C. (2015). Self-management process on health behaviors of hypertensive
patients at Umong Tambon Health Promotion Hospital, Lamphun Province. Graduate
School, Chiang Mai University. (in Thai)
Rakphanich, P. (2005). Exercise for Hypertension diseases. New horizons in management of hypertension. Thai Hypertension Society Coordinate with Faculty of Medicine Ramathibodi Hospital. (in Thai)
Sangdet, S., & Limtrakul, P. (2012). Health promotion guidelines for pre-hypertensive
at risk groups in a community. Journal of Nursing and Health, 44. (In Thai)
Wongphutkham, S. (2008). Effects of self-management on health behaviors and blood
pressure among hypertensive patients. Graduate School, Chiang Mai University.
(in Thai)
World Health Organization [WHO]. (2020). World health statistic: Monitoring health for the
SDGs 2017. Retrieved from https://www.who.int/gho/publications/world_health_
statistics/2017/en/
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารพยาบาลสาร
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใด ๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว