บริบททางสังคมวัฒนธรรมที่มีผลต่อการมารับบริการฝากครรภ์ ของหญิงตั้งครรภ์ชาวไทยภูเขา อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่

ผู้แต่ง

  • วิไลวรรณ เจนการ นักวิชาการสารธารณสุข โรงพยาบาลส่่งเส่ริมสุขภาพตำบลบ้านห้วยไผ่ อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่
  • เดชา ทำดี รองศาสตราจารย์ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  • วราภรณ์ บุญเชียง รองศาสตราจารย์ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

คำสำคัญ:

บริบททางสังคม, วัฒนธรรม, การฝากครรภ์, หญิงตั้งครรภ์, ชาวไทยภูเขา

บทคัดย่อ

การฝากครรภ์เป็นบริการพื้นฐานที่มีความสำคัญและจำเป็นสำหรับสุขภาพของสตรีตั้งครรภ์และทารกในครรภ์ รวมไปถึงการฝากครรภ์ครั้งแรกภายใน 12 สัปดาห์ และครบ 5 ครั้งตามเกณฑ์ ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพหญิงตั้งครรภ์ และทารกในครรภ์โดยตรง โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล การศึกษานี้เป็นการศึกษาเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ (Mixed Method) มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาบริบททางสังคมวัฒนธรรมที่มีผลต่อการมารับบริการฝากครรภ์ของหญิงตั้งครรภ์ชาวไทยภูเขา อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาข้อมูลเชิงปริมาณ ประกอบด้วย แบบสอบถามข้อมูลทั่วไป ข้อมูลเกี่ยวกับ
การฝากครรภ์ ความรู้เรื่องการมารับบริการฝากครรภ์ และทัศนคติเกี่ยวกับการมารับบริการฝากครรภ์ ซึ่งผ่านการตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหาจากผู้ทรงคุณวุฒิ ได้ค่า 0.85 ค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามความรู้เกี่ยวกับการมารับบริการฝากครรภ์ เท่ากับ 0.83 ค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามทัศนคติเกี่ยวกับการมารับบริการฝากครรภ์เท่ากับ 0.84 โดยมีกลุ่มตัวอย่างจำนวน 142 คน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการแจกแจงความถี่
ค่าร้อยละ การหาค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เครื่องมือที่ใช้ศึกษาข้อมูลเชิงคุณภาพ
คือ แบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง โดยมีกลุ่มตัวอย่างจำนวน 8 คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การวิเคราะห์
เชิงเนื้อหา เพื่อหาข้อสรุปทั้งในภาพรวมและส่วนย่อยของข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแต่ละประเด็น

ผลการวิจัยพบว่า

กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีความรู้เกี่ยวกับการมารับบริการฝากครรภ์ อยู่ในระดับน้อย และพบว่าทัศนคติเกี่ยวกับการมารับบริการฝากครรภ์ของกลุ่มตัวอย่างอยู่ในระดับเห็นด้วย ในลำดับสุดท้าย ดังนั้นภายในชุมชน ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมความรู้ในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ชาวไทยภูเขา ให้มีความรู้ และทัศนคติที่ดีต่อการตั้งครรภ์ รวมทั้งส่งเสริมให้ครอบครัวเข้ามามีส่วนร่วมสนับสนุนต่อการฝากครรภ์ของหญิงตั้งครรภ์ชาวไทยภูเขา เพื่อให้เห็นความสำคัญของการฝากครรภ์และมาฝากครรภ์ครั้งแรกเร็วตามกำหนดภายใน 12 สัปดาห์ อีกทั้งจากการศึกษายังพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีความเชื่อในเรื่องที่มองไม่เห็น เช่น เรื่องผี เรื่องคนตาย เพราะเชื่อว่าผีทักลูกจะหลุด จึงนิยมฝากครรภ์หลัง 12 สัปดาห์ ดังนั้นภายในชุมชน ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีการส่งเสริมความรู้และความเชื่อ เพื่อให้หญิงตั้งครรภ์มีการปรับเปลี่ยน ทัศคติ ทำให้มีทัศคติที่ดีต่อการตั้งครรภ์ภายใน 12 สัปดาห์ และครบ 5 ครั้งตามเกณฑ์

เอกสารอ้างอิง

Andersen, R. M. (1995). Revisiting the behavioral model and access to medical care: Does it matter. Journal of Health and Social Behavior, 36(1), 1-10.

Belayneh, T., Adefris, M., & Andargie, G. (2014). Previous early antenatal service Utilization improves timely booking: Cross-sectional study at university of Gondar hospital, Northwest Ethiopia. Journal of Pregnancy, 3, 1-7.

Khongdet, P. (2008). Self-care behavior of female antenatal care at Narathiwat Hospital Rajanagarindra. Narathiwat: Narathiwat Hospital. (In Thai)

Ministry of Public Health. (2017). WHO Awakening the trend of mother's health campaign World Health Day 2017. Bangkok: Ministry of Public Health. (In Thai)

Pheungphang, A. (2011). Nonpharmacologic approaches to relieve labor pain in the first stage of labor: the research utilization. Bangkok: Danex Inter-cooperation. (In Thai)

Phornphit, O. (2009). Factors predicting health promoting behavior of pregnant women working in food industry, Saraburi province. Bangkok: Thammasat University. (In Thai)

Silpa-anan, D. (2014). Antenatal care: Perspectives of pregnant women in Bangkruai Hospital Nonthaburi Province. Journal of Preventive Medicine Association of Thailand, 4(2), 125-134. (In Thai)

Srisuk, R. (2016). Factors influencing initiation of antenatal care within the first 12 weeks of pregnancy among pregnant women visiting antenatal clinics in Phanut Nikhom district, Chon Buri Province (Master’s thesis, Burapa University).

Tariku, A., Melkamu, Y., & Kebede, Z. (2010). Previous utilization of service does not improve timely booking in antenatal care: Cross sectional study on timing of antenatal care booking at public health facilities in Addis Ababa. Ethiopian Journal of Health Development, 24(3), 226-233.

Techakampholsarakit, L. (2018). Interventions to promote anemia prevention among pregnant women: A systematic review. Nursing Journal, 45(1), 62-74. (In Thai)

Vapy, M. (2013). Perceived benefits, perceived barriers of health promotion and health promoting behaviors of pregnant women, The Lao people’s democratic republic (Master’s thesis, Chiangmai University). (In Thai)

Villar, J., & Bergsjo, P. (1997). Scientific basis for the content of routine antenatal care. I. Philosophy, recent studies, and power to eliminate or alleviate adverse maternal outcomes. Acta Obstet Gynecol Scand, 76(1), 1-14.

Wayne, W. D. (1995). Biostatistics: A foundation of analysis in the health sciences. New York: John Wiley & Sons, Inc.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2020-12-08

รูปแบบการอ้างอิง

เจนการ ว. ., ทำดี เ. . . . . . . . . . . . ., & บุญเชียง ว. . . . (2020). บริบททางสังคมวัฒนธรรมที่มีผลต่อการมารับบริการฝากครรภ์ ของหญิงตั้งครรภ์ชาวไทยภูเขา อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่. พยาบาลสาร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 47(4), 155–167. สืบค้น จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/cmunursing/article/view/247934

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย