ความต้องการของสมาชิกครอบครัวผู้ป่วยที่อยู่ในหอผู้ป่วยวิกฤต: การวิจัยประเมินความต้องการจำเป็น
คำสำคัญ:
ความต้องการ, สมาชิกครอบครัว, ผู้ป่วยวิกฤต, การวิจัยประเมินความต้องการจำเป็นบทคัดย่อ
ผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะวิกฤต สมาชิกครอบครัวผู้ป่วยวิกฤตย่อมมีความต้องการที่จะได้รับการดูแลที่ต่อเนื่องและข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ที่เหมาะสม เพื่อตอบสนองความต้องการทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ และจิตวิญญาณ การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ประเมินความต้องการจำเป็นที่ได้รับการตอบสนองจริงในปัจจุบันของสมาชิกครอบครัวผู้ป่วยที่อยู่ในหอผู้ป่วยวิกฤต และ 2) จัดลำดับความสำคัญของความต้องการจำเป็นของสมาชิกครอบครัวผู้ป่วยวิกฤตตามการรับรู้ของสมาชิกครอบครัวผู้ป่วย โดยใช้การวิจัยประเมินความต้องการจำเป็น กลุ่มตัวอย่าง คือ สมาชิกครอบครัวผู้ป่วยวิกฤตที่ได้รับการรักษาในหอผู้ป่วยวิกฤตในคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เลือกตัวอย่างแบบเจาะจง จำนวน 184 คน เครื่องมือการวิจัย คือ แบบสอบถามความต้องการของสมาชิกครอบครัวผู้ป่วยวิกฤต มีความตรงเชิงเนื้อหา เท่ากับ .85 มีความตรงเชิงโครงสร้างโดยโมเดลการวัดมีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ดีมาก (2 (df = 4, N=184) = 8.651, p = .0705, CFI = .980, TLI = .970, RMSEA = .0079, SRMR = .042) ทดสอบความเชื่อมั่นด้วย Cronbach’s alpha coefficient
อยู่ระหว่าง .88-.92 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนา และการระบุความต้องการจำเป็นด้วยวิธี PNImodified
ผลการวิจัย พบว่า ความต้องการจำเป็นที่ได้รับการตอบสนองจริงในปัจจุบันของสมาชิกครอบครัวผู้ป่วยวิกฤตในด้านข้อมูลข่าวสาร ด้านร่างกาย ด้านอารมณ์ และด้านจิตวิญญาณอยู่ในระดับมากทุกด้าน และผลการจัดลำดับความสำคัญของความต้องการจำเป็นของสมาชิกครอบครัวของผู้ป่วยวิกฤต พบว่า ด้านที่ควรให้ความสำคัญและนำมาพัฒนาก่อน ได้แก่ ด้านอารมณ์ (PNImodified = 0.39) รองลงมาคือ ด้านร่างกาย (PNImodified = 0.29) และด้านข้อมูลข่าวสาร (PNImodified = 0.27) ตามลำดับ
ผลการศึกษานี้เป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ได้แก่ แพทย์ พยาบาล และผู้เกี่ยวข้องในการตอบสนองความต้องการจำเป็นแก่ครอบครัวของผู้ป่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตอบสนองด้านอารมณ์ เพื่อเสริมสร้างกำลังใจ และลดความกลัว ความวิตกกังวลของครอบครัวผู้ป่วยได้
เอกสารอ้างอิง
Alsharari, A. F. (2019). The needs of family members of patients admitted to the intensive care unit. Patient Prefer Adherence, 13, 465-473.
Altschuld, J. W. (2004). Emerging dimensions of needs assessment. Performance Improvement, 43(1), 10-15.
Altschuld, J. W., Hung, H.-L., & Lee, Y.-F. (2014). Needs assessment and asset/capacity building: A promising development in practice. In J. W. Altschuld & R. Watkins (Eds.), Needs assessment: Trends and a view toward the future (pp 89–103). Hoboken, NJ: Jossey-Bass.
Barth, A. A., Weigel, B. D., Dummer, C. D., Machado, K. C., & Tisott, T. M. (2016). Stressors in the relatives of patients admitted to an intensive care unit. Revista Brasileira de Terapia Intensiva, 28(3), 323–329.
Best, J. W., & Khan, J. V. (2012). Research in education (10th ed.). Englewood Cliffs, NJ: Prentice-Hall.
Bolosi, M., Peritogiannis, V., Tzimas, P., Margaritis, A., Milios, K., & Rizos, D. V. (2018). Depressive and anxiety symptoms in relatives of intensive care unit patients and the perceived need for support. Journal of Neurosciences in Rural Practice, 9(4), 522–528.
Boonyarat, J. & Uppanisakorn, S. (2012). Spiritual care for critically ill patients and families in ICU: Nursing experiences. Princess of Naradhiwas University Journal, 4(1), 1-13. (in Thai).
Fortunatti C. F. P. (2014). Most important needs of family members of critical patients in light of the critical care family needs inventory. Investigacion y Educacion en Enfermeria, 32(2), 306–316.
Gaglione, K. M. (1984). Assessing and intervention with families of CCU patients. Nursing Clinics of North America, 19(3), 427-432.
Khiewchaum, R., Ngamkhum, S., Chantapet, K., & Chantap, R. (2013). Family relative’s information needs in intensive care unit, Prapokklao Hospital. The Journal of Prapokklao Hospital Clinical Medical Education Center, 30(1), 24-34. (in Thai)
Kynoch, K., Chang, A., Coyer, F., & McArdle, A. (2016). The effectiveness of interventions to meet family needs of critically ill patients in an adult intensive care unit: A systematic review update. JBI Database of Systematic Reviews and Implementation Reports, 14(3), 181–234.
Maxwell, K. E., Stuenkel, D., & Saylor, C. (2007). Needs of family members of critically ill patients: A comparison of nurse and family perceptions. Heart & Lung: The Journal of Critical Care, 36(5), 367–376.
Nolen, K. B., & Warren, N. A. (2014). Meeting the needs of family members of ICU patients. Critical Care Nursing Quarterly, 37(4), 393–406.
Padilla-Fortunatti, C., Rojas-Silva, N., Amthauer-Rojas, M., & Molina-Muñoz, Y. (2018). Needs of relatives of critically ill patients in an academic hospital in Chile. Enfermeria Intensiva, 29(1), 32–40.
Pomrod, T., Monkong, S., & Sirapo-ngam, Y. (2011). Responses to needs and coping to stress of patients’ relatives before transferring from the intensive care unit. Rama Nursing Journal, 17(1), 75-89. (in Thai).
Udchumpisai, M. & Sangsongrit, N. (2020). Needs and preparedness of caregivers to care for medical critically-ill patients: A mixed-method study. Thai Red Cross Nursing Journal, 13(1), 261-281. (in Thai).
Uppanisakorn, S. & Boonyarat, J. (2013). Experiences of family members of critically ill patients who received responses to their spiritual needs in a medical intensive care unit. Songklanagarind Journal of Nursing, 33(3), 37-50. (in Thai).
Watson, J. (2012). Human caring science: A theory of nursing (2nd ed.). Sudbury, MA: Jones & Bartlett Learning.
Wongwanich, S. (2019). Needs assessment research (4th ed.). Bangkok: Chulalongkorn University Press. (in Thai).
Yodphet, P., & Ua-Kit, N. (2018). Selected factors associated with the patients’ needs in preoperative phase of coronary artery bypass graft surgery. Thai Journal of Cardio-Thoracic Nursing, 29(1), 58-71. (in Thai).
Zainah, M., Sasikala, M., Nurfarieza, M. A., & Ho, S. E. (2016). Needs of family members of critically ill patients in a critical care unit at University Kebangsaan Malaysia Medical Centre. Medicine & Health, 11(1), 11-21.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 พยาบาลสาร
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารพยาบาลสาร
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใด ๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
