การพัฒนาคุณภาพการบันทึกในระบบการเรียกเก็บค่าบริการทางการแพทย์ กลุ่มงานการพยาบาลตรวจรักษาพิเศษ โรงพยาบาลลำพูน

บทคัดย่อ

          การบันทึกในระบบการเรียกเก็บค่าบริการทางการแพทย์อย่างแม่นยำและครบถ้วน มีประโยชน์อย่างมากต่อรายได้ของโรงพยาบาล การศึกษาเชิงพัฒนานี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาคุณภาพการบันทึกในระบบการเรียกเก็บค่าบริการทางการแพทย์ ที่กลุ่มงานการพยาบาลตรวจรักษาพิเศษ โรงพยาบาลลำพูน วิธีการศึกษาใช้กรอบแนวคิดกระบวนการพัฒนาคุณภาพแบบโฟกัส พีดีซีเอ ซึ่งประกอบด้วย 9 ขั้นตอน คือ การค้นหากระบวนการในการปรับปรุงคุณภาพ การสร้างทีมงานให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการ การทำความเข้าใจกระบวนการที่จะปรับปรุง การทำความเข้าใจถึงสาเหตุของความแปรปรวนของกระบวนการ การเลือกวิธีการปรับปรุงกระบวนการ การวางแผนการปรับปรุง การปฏิบัติการปรับปรุง การตรวจสอบการปฏิบัติ และการดำเนินการเพื่อคงไว้ซึ่งการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ พยาบาลวิชาชีพจำนวน 11 คน เครื่องมือที่ใช้ดำเนินการศึกษา ได้แก่ แนวทางการบันทึกในระบบการเรียกเก็บค่าบริการทางการแพทย์ แบบประเมินคุณภาพการปฏิบัติตามแนวทางการบันทึกการเรียกเก็บค่าบริการทางการแพทย์ และแบบบันทึกระยะเวลาที่ใช้ในการสรุปข้อมูลในระบบ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา
          ผลการศึกษาพบว่า การปฏิบัติตามแนวทางการบันทึกในระบบการเรียกเก็บค่าบริการทางการแพทย์สามารถเพิ่มความแม่นยำ และครบถ้วนของข้อมูลในระบบเรียกเก็บค่าบริการทางการแพทย์ หลังจากพยาบาลวิชาชีพทุกคนเข้ารับการอบรมเกี่ยวกับแนวทางการบันทึกข้อมูลในระบบการเรียกเก็บค่าบริการทางการแพทย์ ข้อมูลมีความแม่นยำ และครบถ้วนร้อยละ 100.00 และข้อมูลที่บันทึกครบถ้วนทั้งหมดถูกส่งเข้าระบบจัดเก็บทันตามกำหนดเวลาภายใน 30 วัน หลังจากผู้ป่วยจำหน่าย
            ผลที่ได้จากการศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า การประยุกต์ใช้กระบวนการพัฒนาคุณภาพแบบโฟกัส พีดีซีเอ เพิ่มความแม่นยำและครบถ้วนของข้อมูลในการบันทึกลงในระบบ และส่งเข้าในระบบได้ทันตามกำหนดเวลา ผู้บริหารทางการพยาบาลควรนำกระบวนการพัฒนาคุณภาพแบบโฟกัส พีดีซีเอไปใช้ปรับปรุงคุณภาพระบบการบันทึกทางการแพทย์อื่น ๆ ในโรงพยาบาล และติดตามการปฏิบัติตามแนวทางการบันทึกในระบบเรียกเก็บค่าบริการทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง