ผลของการสอนโดยใช้เทคโนโลยีเป็นฐานต่อความรอบรู้ด้านสุขภาพ ในพระสงฆ์สูงอายุโรคความดันโลหิตสูง

บทคัดย่อ

โรคความดันโลหิตสูงพบอุบัติการณ์สูงในพระสงฆ์สูงอายุ การสอนด้วยเทคโนโลยีเป็นฐาน อาจช่วยให้พระสงฆ์สูงอายุโรคความดันโลหิตสูงมีความรอบรู้ด้านสุขภาพดีขึ้น การวิจัยเชิงทดลองครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของการสอนโดยใช้เทคโนโลยีเป็นฐาน ต่อความรอบรู้ด้านสุขภาพในพระสงฆ์สูงอายุโรคความดันโลหิตสูง กลุ่มตัวอย่าง 54 ราย คัดเลือกแบบสุ่มอย่างง่าย จากพระสงฆ์สูงอายุที่ได้รับการวินิจฉัยเป็นโรคความดันโลหิตสูง ที่มารับบริการในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล เขตบริการอำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ สุ่มเข้ากลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลองกลุ่มละ 27 ราย โดยกลุ่มทดลองได้รับโปรแกรมการสอนโดยใช้เทคโนโลยีแบบกลุ่มและแบบรายบุคคล จำนวน 5 ครั้ง ระยะเวลารวม 3 สัปดาห์ ส่วนกลุ่มควบคุมได้รับการดูแลตามปกติ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ 1) แบบสัมภาษณ์ข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลความเจ็บป่วย และ 2) แบบสัมภาษณ์ความรอบรู้ด้านสุขภาพของพระสงฆ์สูงอายุโรคความดันโลหิตสูง โดยโปรแกรมการสอนด้วยเทคโนโลยีเป็นฐานเพื่อส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพได้ผ่านการตรวจสอบความตรงตามเนื้อหาจากผู้ทรงคุณวุฒิ 5 ท่าน และผู้วิจัยนำแบบสัมภาษณ์ความรอบรู้ด้านสุขภาพของพระสงฆ์สูงอายุโรคความดันโลหิตสูง ไปทดสอบหาค่าความเชื่อมั่นแบบความสอดคล้องภายใน ได้ค่า Cronbach's correlation coefficient เท่ากับ .85 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา สถิติ independent t-test และ dependent t-test

ผลการวิจัยพบว่า ภายหลังได้รับโปรแกรมการสอนโดยใช้เทคโนโลยีเป็นฐาน ค่าเฉลี่ยคะแนนความรอบรู้ด้านสุขภาพของกลุ่มทดลอง (M = 45.41, SD = 2.64) มากกว่ากลุ่มควบคุมที่ได้รับการดูแลตามปกติ (M = 19.93, SD = 3.03)  อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (t = 33.01, p < .001) และมากกว่าก่อนได้รับโปรแกรม (M = 20.74, SD = 3.21) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (t = -46.68, p < .001)

สรุปได้ว่า การสอนโดยใช้เทคโนโลยีเป็นฐานช่วยส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพ บุคลากรสุขภาพสามารถประยุกต์ใช้โปรแกรมการสอนโดยใช้เทคโนโลยีเป็นฐานในการส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพในพระสงฆ์สูงอายุโรคความดันโลหิตสูงได้