ประสิทธิผลของการใช้แนวปฏิบัติในการดูแลผู้บาดเจ็บ เพื่อลดภาวะเสี่ยงการตกเลือดจากการบาดเจ็บช่องท้อง

ผู้แต่ง

  • รัตนา พรหมบุตร โรงพยาบาลกระบี่ จังหวัดกระบี่
  • จีราวรรณ พญารัง โรงพยาบาลกระบี่ จังหวัดกระบี่
  • วรรวิสา นาวาสมุทร โรงพยาบาลกระบี่ จังหวัดกระบี่

คำสำคัญ:

แนวปฏิบัติการดูแล, ผู้ป่วยบาดเจ็บช่องท้อง, ภาวะเสี่ยงตกเลือด

บทคัดย่อ

การวิจัยและพัฒนาประสิทธิผลของการใช้แนวปฏิบัติในการดูแลผู้บาดเจ็บเพื่อลดภาวะเสี่ยงการตกเลือดจากการบาดเจ็บช่องท้อง โรงพยาบาลกระบี่ ดำเนินการตามกรอบแนวคิด ของ Soukup (2000) 3 ขั้นตอน ได้แก่ 1) การค้นหาปัญหาทางคลินิก 2) สืบค้นหลักฐานเชิงประจักษ์ 3) ทดลองใช้และประเมินการใช้แนวปฏิบัติ 4) การนำแนวปฏิบัติไปใช้จริงในหน่วยงานและประเมิน ผลลัพธ์ กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้ป่วยบาดเจ็บช่องท้อง/ผู้ปกครอง จำนวน 20 คน และ พยาบาลวิชาชีพจำนวน 30 คน คัดเลือกแบบเฉพาะเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย 1) แบบสอบถามความคิดเห็นของพยาบาลวิชาชีพต่อการใช้แนวปฏิบัติเป็นแบบประเมินความยากง่าย จำนวน 12 ข้อ และเป็นแบบเลือกตอบมีลักษณะเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 6 ข้อ 2) แบบสอบถามความพึงพอใจของพยาบาลวิชาชีพ เป็นแบบประเมิน จำนวน 12 ข้อ 3) แบบสอบถามความพึงพอใจของผู้ปกครอง/ผู้บาดเจ็บ เป็นแบบสอบถาม จำนวน 12 ข้อ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงบรรยาย

ผลการศึกษาพบว่า แนวปฏิบัตินี้มีความง่ายในการนำไปใช้และมีความพึงพอใจในระดับมากร้อยละ 100 ผลลัพธ์ด้านตัวชี้วัดของแนวปฏิบัติการดูแลผู้ป่วยบรรลุค่าเป้าหมายทุกข้อ ยกเว้นใน ร้อยละของผู้บาดเจ็บได้รับการดูแลต่อเนื่องหลังจาหน่ายที่ไม่บรรลุเป้าหมาย พยาบาลวิชาชีพมีความพึงพอใจต่อการใช้แนวปฏิบัติในภาพรวมอยู่ระดับมาก (M= 4.68, SD = 0.46) และผู้ปกครอง/ผู้บาดเจ็บมีความพึงพอใจต่อการใช้แนวปฏิบัติในภาพรวมอยู่ในระดับมาก (M= 4.78, SD = 0.41) แสดงว่าแนวปฏิบัตินี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้เป็นแนวทางในดูแลผู้บาดเจ็บเพื่อลดภาวะเสี่ยง การตกเลือดจากการบาดเจ็บช่องท้องทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีกับผู้ป่วย ลดอุบัติการณ์อาการทรุดลงระหว่างรักษาจากการตกเลือด คิดเป็นร้อยละ 0

References

Atatanuchi, S, Sae-Sia , W,and Songwathana, P. (2011). Development of Clinical Nursing Practice Guideline for Initial Assessment among Multiple Injured Patients Admitted in Trauma Units. Princes of Naradhivas University Journal, 2(2), 16-28. (in Thai)

Lertkarnchang, S. (2015). Factors Predicting Mortality of Operated Abdominal Injured Patients at Suratthani Hospital. Region 11 Medical Journal, 29(2), 327-33. (in Thai)

Medical records and statistics of Krabi Hospital. (2019). Statistical of Patients admitted for accidents. Krabi Hospital. (in Thai)

Phuengbunhan, K, Pamosinlapathum, T; and Mechan, L (2014). Developing a Model of Caring for the Critical Multiple Trauma Patients in Uttaradit Hospital. Boromarajonani College of Nursing, Uttaradit Journa, 6(1), 24-37. (in Thai)

Pornchensuanpong, C; La-or, P; & Boonchoo, K. (2016). The Development of an Evidence Based Practice Care Model for Traumatic Injury Patients in Nakhon Nayok Hospital. Nursing Journal of the Ministry of Public Health, 26(2), 89-102. (in Thai)

Soukup SM. (2000). Evidence-based Practice Model Promoting the Scholarship of Practice. In SM Soukup &CF Beason Eds. Nursing Clinic of North America. Philadelphia :WB Saunders.

Techaatik, P, Wunsupon, S, and Sumritrin, S. (2014). Effectiveness of Implementing Evidence-Based Practice for Traumatic Patients at Out Patient of the Accident and Emergency Unit. Journal of Nursing Science & Health, 34(3), 65-74. (in Thai)

Thailand Transport Portal. (2018). Road Accident Situation Analysis Report. Retrieved 2020 January 9, from http://www.otp.go.th/uploads/tiny_uploads/PDF/2562-09/25620916 Accident%20report2561%20_OTP.pdf. (in Thai)

The Healthcare Accreditation Institute (Public Organization). (2018). Hospital and Health Care Standard 4 th Edition.

The Healthcare Accreditation Institute (Public Organization): Nonthaburi. Tilokskulchai, F. (2011). Evidence-based Nursing : Principle and Method. 6 th edition Bangkok: Facluty of Nursing Mahidol University. (in Thai)

Vongrabilnam, K. (2013). Development and Evaluation of Clinical Nursing Practice Guideline for Pain Management in Elderly Trauma Patients. Master of Nursing Science (Adult Nursing) Prince of Songkla University. (in Thai)

World Health Organization. (2018). Global Status Report on Road Safety 2018. Retrieved 2020 January 9, from https://www.who.int/violence_injury_prevention/road_safety_status/2015/en/.

Downloads

เผยแพร่แล้ว

2020-06-01