อุปกรณ์เสริมเพื่อป้องกันหรือลดโอกาสในการเกิดแผลกดทับบริเวณปีกจมูก จากการใส่ท่อหายใจทางจมูก
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทคัดย่อ การเกิดแผลกดทับบริเวณปีกจมูก(nasal alar necrosis) จากการใส่ท่อหายใจทางจมูก(nasotracheal intubation)หลังทำการผ่าตัดบริเวณศีรษะและลำคอ เป็นหนึ่งในภาวะแทรกซ้อนที่สามารถพบได้บ่อย สามารถทำให้เกิดแผลเรื้อรัง และเกิดแผลเป็นตามมาได้ ในระยะยาวยังสามารถนำไปสู่การเกิดการผิดรูปอย่างถาวรของปีกจมูกนอกจากนี้ ยังเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อหลังผ่าตัดของผู้ป่วยมากขึ้นได้ โดยแผนกโสต ศอ นาสิก โรงพยาบาลรามาธิบดี พบว่าในผู้ป่วยที่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจทางจมูกเป็นระยะเวลานาน สามารถพบอุบัติการณ์ของแผลกดทับบริเวณปีกจมูกผู้วิจัยจึงมีความสนใจในการผลิตอุปกรณ์จากความรู้และข้อมูลดังกล่าวเพื่อใช้ในการป้องกันหรือลดโอกาสในการเกิดแผลกดทับบริเวณปีกจมูก
วัตถุประสงค์ในการวิจัย เพื่อพัฒนาอุปกรณ์ที่ช่วยในการลดการเกิดแผลกดทับบริเวณปีกจมูกจากการใส่ท่อหายใจทางจมูกและ เพื่อศึกษาอุบัติการณ์ของการเกิดแผลกดทับบริเวณปีกจมูกจากการใส่ท่อหายใจทางจมูก
วิธีการวิจัย ทำการเก็บข้อมูล prospective case series ในผู้ป่วยที่มารับการผ่าตัดและใส่อุปกรณ์ป้องกันการเกิดแผลกดทับที่แผนกผู้ป่วยใน ภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ระหว่าง มกราคม พ.ศ.2561- ธันวาคม พ.ศ.2562นำมาหาอุบัติการณ์ของการเกิดแผลกดทับบริเวณปีกจมูก และความสัมพันธ์ของการเกิดแผลกดทับกับปัจจัยอื่นๆ
ผลการวิจัย มีผู้เข้าร่วมวิจัยจำนวนทั้งหมด 18 คนและอุบัติการณ์ของการเกิดแผลกดทับบริเวณปีกจมูกจากการใส่ท่อหายใจทางจมูกของผู้เข้าร่วมวิจัยหลังใช้อุปกรณ์คือ 27.8% และ อายุของผู้ป่วยที่มีแผลกดทับบริเวณปีกจมูกจากการใส่ท่อหายใจทางจมูกหลังใส่อุปกรณ์ป้องกันน้อยกว่าอายุของผู้ป่วยที่ไม่มีแผลกดทับบริเวณปีกจมูกจากการใส่ท่อหายใจทางจมูกหลังใส่อุปกรณ์ป้องกันอย่างมีนัยยะสำคัญทางสถิติ(P value < 0.05)
บทสรุป อุปกรณ์ป้องกันการเกิดแผลกดทับบริเวณปีกจมูกที่ได้ศึกษาในการวิจัยนี้ไม่ได้มีผลต่อการลดอุบัติการณ์ของการเกิดแผลกดทับบริเวณปีกจมูกจากการใส่ท่อหายใจทางจมูก
Article Details
ต้นฉบับที่ส่งมาพิจารณายังวารสารหู คอ จมูก และใบหน้า จะต้องไม่อยู่ในการพิจารณาของวารสารอื่น ในขณะเดียวกันต้นฉบับที่จะส่งมาจะผ่านการอ่านโดยผู้ทรงคุณวุฒิ หากมีการวิจารณ์หรือแก้ไขจะส่งกลับไปให้ผู้เขียนตรวจสอบแก้ไขอีกครั้ง ต้นฉบับที่ผ่านการพิจารณาให้ลงตีพิมพ์ถือเป็นสมบัติของวารสารหู คอ จมูกและใบหน้า ไม่อาจนำไปลงตีพิมพ์ที่อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต
ตารางแผนภูมิ รูปภาพ หรือข้อความเกิน 100 คำที่คัดลอกมาจากบทความของผู้อื่น จะต้องมีใบยินยอมจากผู้เขียนหรือผู้ทรงลิขสิทธิ์นั้นๆ และใหร้ะบุกำกับไว้ในเนื้อเรื่องด้วย
เอกสารอ้างอิง
2. Huang, W.S., Chou, T.D., Chen, T.M. et al, Nasal ala pressure sore: Easily missed complications of nasotracheal tube intubation. J Med Sci. 2002; 22:101.
3. National Pressure Ulcer Advisory Panel, European Pressure Ulcer Advisory Panel and Pan PacificPressure Injury Alliance. Prevention and Treatment of Pressure Ulcers: Quick Reference Guide.EmilyHaesler (Ed.). Cambridge Media: Osborne Park, Australia; 2014.
4. SonaiRastogi, TsheringBhutia et al. Nasal ala pressure sores following head and neck reconstructive surgery: A retrospective analysis from a tertiary cancer hospital. Indian J Anaesth. 2017 Jan; 6(1): 74-76.
5. Feng, P.H., So, E.C., Chu, C.C. et al, DuoDERM as a protective material to reduce painful nasal ala after nasotracheal intubation. Chin J Pain. 2005;15:59.
6. Tze-Ta Huang DDS, MS, Chih-En Tseng,MD.,Tsan-Mu Lee,MS, Preventing Pressure Sores of the Nasal Ala After Nasotracheal Tube Intubation: From Animal Model to Clinical Application. J Oral Maxillofacial Surgery. 67:543-551, 2009.
7. SrijonMokherji, Hemant Aggarwal, A Simple Technique of preventing Pressure Sores of the Nasal Ala during Prolonged Nasoendotracheal Intubation with Armored Tube. Jp-journals.10001-1162.
8. R.Anand, M.Turner et al. Use of polyvinyl acetyl sponge(Merocel) nasal pack to prevent alar necrosis during prolonged nasal intubation. British Journal of Oral and Maxillofacial Surgery 45(2007) 601.
9. Chen-Hwan Cherng, Yuan-Wu Chen, Using a modified nasotracheal tube to prevent nasal ala pressure sore during prolonged nasotracheal intubation. J Anesth (2010) 24:959–961.
10. Rahil Singh, NishantSood, SukhyantiKera, Use of Merocel® aids in prevention of nasal pressure ulcers following nasal intubation:Case series of 33 patients. Indian Journal of Anaesthesia (2017): Volume 61; 513-515.