นโยบายสาธารณะ : การพัฒนารูปแบบการจัดการอาหารริมบาทวิถี โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน จังหวัดลพบุรี
คำสำคัญ:
นโยบายสาธารณะ, อาหารริมบาทวิถี, การมีส่วนร่วมของชุมชนบทคัดย่อ
การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนา (Descriptive Study) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสถานการณ์ปัจจุบันของอาหารริมบาทวิถีและพัฒนารูปแบบเชิงนโยบายสาธารณะอย่างมีส่วนร่วมในการจัดการอาหารริมบาทวิถีจังหวัดลพบุรี ประกอบด้วย 2 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาสภาพปัจจุบันของอาหารริมบาทวิถี โดยใช้รูปแบบการเก็บข้อมูลเชิงปริมาณ เลือกสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจงจำนวน 350 คนประกอบด้วย นายกเทศบาลเมือง ประธานชมรมผู้ประกอบการอาหารริมบาทวิถี ผู้ประกอบการอาหาร ริมบาทวิถี เจ้าหน้าที่ภาครัฐและผู้บริโภค เครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูล ประกอบด้วยแบบสำรวจ แบบสังเกต แบบสัมภาษณ์ และชุดทดสอบน้ำยาตรวจเชื้อโคลิฟอร์มแบคทีเรีย ส่วนขั้นตอนที่ 2 เป็นการพัฒนานโยบายสาธารณะอย่างมีส่วนร่วมในการจัดการอาหารริมบาทวิถีจังหวัดลพบุรี เป็นการเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพ กลุ่มตัวอย่างคัดเลือกแบบเจาะจง จํานวน 32 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย การสังเกต การสัมภาษณ์เชิงลึก และการสนทนากลุ่ม โดยมีการพัฒนาศักยภาพคณะทำงาน สร้างการรับรู้ สถานการณ์ปัญหา กระตุ้นชุมชนให้เกิดความตื่นตัวเพื่อพัฒนากระบวนการนโยบายสาธารณะ
ผลการวิจัยที่สำคัญมี 2 ประการ ดังนี้ (1) สภาพปัจจุบันอาหารริมบาทวิถีจังหวัดลพบุรี พบว่าส่วนใหญ่ผู้ประกอบการไม่ได้รับการสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์และการอบรมด้านสุขาภิบาลอาหารจากภาครัฐ รวมทั้งการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ด้านสุขลักษณะที่ไม่ถูกต้อง ตลอดจนยังไม่มีส่วนร่วมในการพัฒนาร้านอาหารริมบาทวิถี (2) พัฒนานโยบายสาธารณะอย่างมีส่วนร่วมในการจัดการอาหารริมบาทวิถีจังหวัดลพบุรี ประกอบด้วย 4 มิติ ได้แก่ 1) มิติด้านสุขภาพโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นจุดศูนย์กลาง จัดแผนพัฒนา จัดตั้งกลุ่มของผู้ประกอบการ จัดบริการและสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ ตลอดจนปรับปรุงเทศบัญญัติ 2) มิติด้านเศรษฐกิจ มีคณะทำงานแบบบูรณาการ และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน 3) มิติด้านสังคมมีจุดบริการข้อมูล และระบบรักษาความปลอดภัย 4) มิติด้านวัฒนธรรม มีการจำหน่ายอาหารพื้นบ้านและการแต่งกายประจำถิ่น และได้นำนโยบายสาธารณะสู่การปฎิบัติ ประกอบด้วย 7 โครงการ ได้แก่ 1) โครงการที่ชมรมผู้ประกอบการดำเนินการด้วยตนเอง 3 โครงการ และ 2)โครงการที่หน่วยงานและองค์กรในพื้นที่ร่วมกันดำเนินงานจำนวน 4 โครงการโดยผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการขับเคลื่อนอาหารปลอดภัยจังหวัดลพบุรีปี 2563
References
Cuthill, M., & Fien, J. (2005). Capacity building: Facilitating citizen participation in local
governance. Australian Journal of Public Administration, 64(4), 63–80.
Denzin, N. K. (1988). The Research Act. Englewood Cliff, N.J.: Prentice-Hall.
Department of Health.(2019).The Summary report of the surveillance and food sanitation. Bangkok:War Veterans organization printing house.
Department of Health.(2020). Street food Good Health.Food and Water Sanitation Journal,Vol 10 No.2,3-4.
Dye, T. R. (1984). Understanding public policy (7th ed.). Englewood Cliffs, New Jersey: Prentice Hall.
Getzels, Jacob W. & Guba, Egon G. (1989). Social behavior and the administrative process. School Review.
Jaesakul, S. (2005). Environmental health situation in Thailand BE 2005-2007.Bangkok:War Veterans
Organization Printing House.
Lofland, J. & Lofland, L. H. (1995). Analyzing Social Settings: A Guide to Qualitative Observation and Analysis. Belmont, CA: Wadsworth.
Lopburi Provincial Health Office.(2017).The Summary report of operating results aaccording to KPI in Ministry of Public Health.
Lucca & Torres.(2004). Food safety and hygiene practices of vendors during the chain of street food production in Florianopolis, Brazil: A cross-sectional study.Food Control 62,178–186.
Maclaghlin, Milbrey W. (1978). Learning from experience: lesson from policy implementation.
Education and Policy analysis, 9(2),171-178.
Ramasut, P. (2002). Participatory Action Research. Bangkok: P.A. Living.
Wirakartakusumah, Purnomo, & Dewanti Hariyadi.( 2014).Safety of Street Food:Indonesia's
Experience.Bogor Agricultural University.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2021 วารสารสาธารณสุขและวิทยาศาสตร์สุขภาพ
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความทุกบทความที่ได้รับการตีพิมพ์ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ วารสารสาธารณสุข