Publication Ethics

จริยธรรมการตีพิมพ์วารสารพยาบาลสภากาชาดไทย

วารสารพยาบาลสภากาชาดไทย เป็นของสถาบันการพยาบาลศรีสวรินทิรา สภากาชาดไทย และบริหารจัดการโดยกองบรรณาธิการ ซึ่งมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการเผยแพร่บทความวิชาการ สถาบันการพยาบาลศรีสวรินทิรา สภากาชาดไทย สนับสนุนบรรณาธิการ ผู้ตรวจสอบ และผู้เขียนในการบรรลุความรับผิดชอบด้านจริยธรรมของตน ขณะเดียวกันก็ป้องกันอิทธิพลและแนวปฏิบัติที่ผิดจริยธรรมในแวดวงวิชาการ 

เพื่อรักษาและเสริมสร้างความสมบูรณ์ของบทความทางวิชาการ วารสารพยาบาลสภากาชาดไทย ได้นำนโยบายและขั้นตอนปฏิบัติตามแนวทางของคณะกรรมการจริยธรรมในการตีพิมพ์ (COPE) ซึ่งเรียบเรียงขึ้นในปี 2017 แนวทางเหล่านี้ส่งเสริมและรับรองการดำเนินการที่มีความรับผิดชอบและมีจริยธรรมในการเผยแพร่ทางวิชาการ รายละเอียดเกี่ยวกับแนวปฏิบัติทางจริยธรรม ซึ่งนำมาใช้เป็นแนวปฏิบัติในการแนะนำและให้ข้อมูลต่อไป

มาตรฐานทางจริยธรรมของผู้เขียนบทความ บรรณาธิการ และผู้ประเมินบทความ

หน้าที่และความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความ

  1. ผู้เขียนบทความต้องส่งบทความที่ไม่เคยตีพิมพ์หรืออยู่ระหว่างพิจารณาจากผู้ประเมินบทความ เพื่อตีพิมพ์ในวารสารอื่น หากต้องการถอนบทความเพื่อไปตีพิมพ์ที่อื่น ต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร ก่อนนำไปตีพิมพ์ที่วารสารอื่น
  2. ผู้เขียนบทความและผู้ร่วมวิจัย (co-author) ซึ่งมีรายชื่อปรากฏในบทความ ทุกคนต้องได้ยินยอมให้และรับทราบการส่งบทความนี้มายังวารสารพยาบาลสภากาชาดไทย รวมทั้งจะต้องมีส่วนร่วมในการจัดทำบทความ หรือมีส่วนร่วมในการทำวิจัย หากตรวจพบว่าผู้เขียนบทความหรือผู้หนึ่งผู้ใด ซึ่งได้รับการระบุในบทความ มิได้มีส่วนร่วมในการจัดทำบทความวารสารขอสงวนสิทธิ์ในการถอดถอนบทความดังกล่าวออกจากการเผยแพร่โดยทันที
  3. ผู้เขียนบทความจะต้องจัดทำบทความที่มีองค์ประกอบหรือหัวข้อตามรูปแบบคู่มือการเตรียมต้นฉบับบทความ (ตามไฟล์แนบบนเว็บไซต์วารสารพยาบาลสภากาชาดไทยฉบับล่าสุด)
  4. ผู้เขียนบทความต้องไม่คัดลอกหรือหยิบยกข้อความส่วนใดส่วนหนึ่งของสาระในผลงานทางวิชาการของผู้อื่นแล้วนำมาวางในเนื้อหาของตน (โดยไม่อ้างอิง) และส่งมาขอรับการตีพิมพ์ในวารสารพยาบาลสภากาชาดไทย(ทั้งนี้วารสาร กำหนดความซ้ำซ้อนของผลงานไม่เกิน 20% จากเชิงปริมาณ จากการตรวจสอบด้วยโปรแกรม Copy Catch ของเว็บไซต์ศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย (Thai Journal Citation Index Centre : TCI) และโปรแกรม Turnitin
  5. ผู้เขียนบทความ เมื่อมีการหยิบยกผลงานของผู้อื่นมาไว้ในบทความที่ส่งตีพิมพ์ จะต้องมีการอ้างอิงทั้งในส่วนเนื้อหาและในส่วนรายการเอกสารอ้างอิงที่ตรงกัน และมีรูปแบบที่ถูกต้องครบถ้วนตามที่กำหนดในคู่มือการเตรียมต้นฉบับบทความ ให้ผู้อ่านสามารถสืบค้นเพิ่มเติมแหล่งที่มาของข้อมูลได้ (หากมีการฟ้องร้องการละเมิดลิขสิทธิ์ เนื่องจากการไม่อ้างอิง จะเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความแต่เพียงผู้เดียว วารสาร จะไม่มีส่วนรับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้น และจะดำเนินการถอดถอนบทความออกจากการเผยแพร่ของวารสารทันที)
  6. ผู้เขียนบทความต้องตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารอ้างอิงทั้งแหล่งที่มาและความน่าเชื่อถือของเจ้าของบทความที่นำมาอ้างอิง รวมถึงไม่นำเอาเอกสารที่ถูกถอดถอนแล้วมาใช้อ้างอิง
  7. ผู้เขียนบทความต้องปรับแก้บทความ ตามที่ผู้ประเมินบทความและบรรณาธิการแนะนำให้แล้วเสร็จ และส่งกลับมาภายในเวลาที่กำหนด หากไม่เป็นไปตามเวลาที่กำหนด วารสารจะเลื่อนการตีพิมพ์เผยแพร่ออกไป หรือ อาจถอดถอนออกจากวารสาร
  8. ผู้เขียนบทความควรระบุชื่อแหล่งทุนที่สนับสนุนในการทำวิจัย (ถ้ามี) ในกิตติกรรมประกาศ และควรระบุผลประโยชน์ทับซ้อน (ถ้ามี)
  9. ผู้เขียนบทความต้องคำนึงถึงจริยธรรม ไม่รายงานข้อมูลเท็จ หรือ การปลอมแปลง บิดเบือน หรือ ตกแต่งข้อมูลให้ผิดจากผลการศึกษา หรือ วิจัยที่ได้เพื่อให้สอดคล้องกับข้อสรุป
  10. ผู้เขียนบทความที่มีการนำข้อมูลส่วนตัว (Private Data) หรือข้อมูลที่เจ้าของไม่ประสงค์เปิดเผยต่อสาธารณะ มาใช้ประกอบในบทความ จะต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของข้อมูลก่อนนำมาใช้ (หากมีการฟ้องร้องการละเมิดลิขสิทธิ์ หรือนำข้อมูลมาเปิดเผยโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของข้อมูล จะถือเป็นความผิดของผู้เขียนบทความแต่เพียงผู้เดียว วารสารพยาบาลสภากาชาดไทย จะไม่มีส่วนรับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้น และจะดำเนินการถอดถอนบทความออกจากการเผยแพร่ของวารสารทันที)
  11. ผู้เขียนบทความที่เขียนบทความเกี่ยวกับการวิจัยในมนุษย์หรือสัตว์ ควรมีหนังสือรับรองจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์หรือสัตว์แสดงต่อบรรณาธิการ
  12. ผู้เขียนบทความต้องไม่นำงานที่เคยตีพิมพ์และนำกลับมาทำซ้ำใหม่ (Duplication) หากตรวจสอบพบว่ามีการนำเอกสารมาตีพิมพ์ซ้ำทั้งวารสารของสถาบันอื่นหรือในวารสารพยาบาลสภากาชาดไทย กองบรรณาธิการจะดำเนินการถอดถอนบทความออกจากการเผยแพร่ของวารสารทันทีหากตรวจสอบพบ

หน้าที่และความรับผิดชอบของบรรณาธิการ

  1. บรรณาธิการทำหน้าที่รับบทความและจัดทำวารสารให้เป็นไปตามนโยบายและวัตถุประสงค์บทความของศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย (Thai Journal Citation Index Centre : TCI) และของวารสารพยาบาลสภากาชาดไทย
  2. บรรณาธิการพิจารณาคัดเลือกบทความอย่างเข้มข้น ตามระเบียบวิจัยที่ถูกต้องและน่าเชื่อถือ โดยมุ่งหวังให้เกิดประโยชน์ต่อผู้อ่านอย่างแท้จริง
  3. บรรณาธิการต้องตรวจสอบการคัดลอกบทความด้วยโปรแกรมที่น่าเชื่อถือ และหากตรวจสอบพบว่าบทความที่ส่งมาตีพิมพ์ได้คัดลอกผลงานของผู้อื่น หรือมีสัดส่วนความซ้ำซ้อนเกินกว่าที่วารสารได้กำหนดไว้ จะต้องปฏิเสธการดำเนินการและถอดถอนบทความออกจากวารสารทันที
  4. บรรณาธิการทำหน้าที่จัดกระบวนการประเมินบทความเพื่อลงตีพิมพ์ในวารสาร โดยผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 3 ท่าน ในรูปแบบการปกปิดชื่อทั้งสองฝ่าย (double blind peer review)
  5. บรรณาธิการจะเป็นผู้ดูแลกระบวนการตีพิมพ์บทความของวารสาร (Peer Review Process) เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และขอบเขตสาขาการรับของวารสารตามมาตรฐานทางวิชาการ
  6. บรรณาธิการไม่แสวงหาผลประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมใด ๆ กับผู้เขียนบทความ และ/หรือ ผู้ประเมินบทความ รวมทั้งมีความเป็นกลางโดยปราศจากอคติใด ๆ ของผู้เขียนและผู้ประเมิน
  7. บรรณาธิการหรือกองบรรณาธิการไม่นำบทความ หรือส่วนหนึ่งส่วนใดมาใช้เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง หรือผู้ที่ตนต้องการให้ได้รับผลประโยชน์ โดยปราศจากความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้เขียนบทความ
  8. บรรณาธิการไม่รับพิจารณาบทความที่มีการเขียนข้อความจาบจ้วง ลบหลู่ ดูหมิ่น ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ สถาบันศาสนา สถาบันการปกครอง หรือขัดต่อศีลธรรม
  9. บรรณาธิการต้องไม่เปิดเผยข้อมูลระหว่างผู้เขียนบทความและผู้ประเมินบทความ ให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดแก่บุคคลอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องในช่วงเวลาของการประเมินบทความ โดยวารสาร ได้กำหนดให้มีการปกปิดรายชื่อ (Double blind Peer reviewed) ก่อนส่งให้ผู้ทรงคุณวุฒิ
  10. บรรณาธิการจะปรับปรุงพัฒนาคุณภาพทางวิชาการและมาตรฐานของวารสารอย่างต่อเนื่อง
  11. กรณีมีปัญหาใด ๆ เกิดขึ้นและเกินกว่าอำนาจ หน้าที่ของบรรณาธิการ บรรณาธิการจะนำเรื่องเข้าสู่กองบรรณาธิการ เพื่อตัดสินใจโดยอยู่บนพื้นฐานของความเห็นร่วมกันโดยฉันทามติ (consensus)

หน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ประเมินบทความ

  1. ผู้ประเมินบทความควรพิจารณารับประเมินบทความในสาขาวิชาที่ตนมีความเชี่ยวชาญ มีการพิจารณาบทความจากคุณภาพเนื้อหา ความชัดเจน ความเข้มข้น และไม่ใช้ความคิดเห็นส่วนตัวมาเป็นเกณฑ์ตัดสินบทความ
  2. ผู้ประเมินบทความ เมื่อได้รับการเชิญจากบรรณาธิการให้เป็นผู้ประเมิน และเล็งเห็นว่าหากตนรับประเมินบทความ อาจเกิดผลประโยชน์ทับซ้อนกับผู้เขียนบทความ การประเมินอาจไม่เป็นไปด้วยความสุจริตใจ ผู้ประเมินบทความควรแจ้งให้บรรณาธิการทราบและปฏิเสธการรับประเมินบทความดังกล่าว
  3. ผู้ประเมินบทความต้องไม่เปิดเผยข้อมูลบทความที่ได้รับแก่ผู้อื่นที่ไม่เกี่ยวข้องในช่วงเวลาการประเมินบทความ
  4. ผู้ประเมินบทความควรตระหนักเห็นใจ ถึงความจำเป็นในการได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่บทความของผู้เขียนบทความ เมื่อได้รับบทความแล้ว ควรดำเนินการประเมินโดยไม่ปล่อยเวลาให้เนิ่นนานเกินกำหนด
  5. ผู้ประเมินบทความหากพบว่าบทความ หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของบทความมีความซ้ำซ้อนกับบทความของผู้อื่น ผู้ประเมินบทความจะต้องแจ้งบรรณาธิการให้ทราบ
  6. ผู้ประเมินบทความต้องไม่นำบทความหรือส่วนหนึ่งส่วนใด มาใช้เพื่อผลประโยชน์ของตนเองหรือผู้ที่ตนต้องการให้ได้รับผลประโยชน์ โดยปราศจากความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้เขียนบทความ
  7. ผู้ประเมินบทความควรคำนึงถึงคุณธรรมในวิชาชีพพยาบาล ไม่ประเมินโดยมีอคติ ยึดหลักความถูกต้องเหมาะสม ตรงไปตรงมา เพื่อให้บทความมีมาตรฐานทางวิชาการ
  8. ผู้ประเมินบทความ จะต้องแจ้งบรรณาธิการทราบเกี่ยวกับประเด็นจริยธรรมใด ๆ ที่ผู้ประเมินได้ตรวจสอบบทความ รวมถึงความประพฤติมิชอบ ที่เกิดจากการปลอมแปลง หรือการลอกเลียนแบบ
  9. ผู้ประเมินบทความ ควรเสนอข้อแนะนำอย่างสร้างสรรค์และละเอียดถี่ถ้วนเพื่อช่วยให้ผู้เขียนบทความสามารถปรับปรุงงานของตนได้ และแนะนำแนวทางการแก้ไข จุดอ่อนของบทความ
  10. ผู้ประเมินควรตอบคำถามใด ๆ จากบรรณาธิการโดยทันทีในกรณีที่ขอข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงการชี้แจงการแก้ไขในส่วนต่าง ๆ ของบทความ